12 พฤติกรรมเสี่ยง คนขับรถควรงด เพื่อยืดอายุการใช้งานรถยนต์
รถยนต์รุ่นใหม่ ป้ายแดง หรือ รถยนต์มือสอง หากเจ้าของรถยนต์ใช้งานหรือ ขับขี่รถยนต์ อย่างถูกวิธีก็สามารถใช้งานรถยนต์ได้ไม่แตกต่างกัน เพราะ การดูแลรักษารถยนต์ พฤติกรรมขับขี่ หรือ การใช้งานรถยนต์ ก็ถือว่าเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยคงสภาพและยืดอายุเครื่องยนต์ให้ใช้งานได้ยาวนานยิ่งขึ้น ซึ่งคงไม่มีใครอยากเสียเงิน เสียเวลา ขับรถยนต์ เข้า ๆ ออก ๆ ศูนย์ซ่อมกันบ่อย ๆ ดังนั้น เจมาร์ท ประกันภัย ชวนคนขับรถยนต์มาเช็กลิสต์พฤติกรรมการขับขี่ หรือ ใช้งานรถยนต์แบบไหนที่ควรหลีกเลี่ยง เพื่อลดความเสี่ยงและช่วยยืดอายุรถยนต์
1.ออกตัวทันที
สตาร์ทรถแล้วเหยียบคันเร่งออกตัวทันทีบ่อย ๆ ทำให้อายุการใช้งานของเครื่องยนต์สั้นลง เพราะเมื่อจอดรถทิ้งไว้นาน ๆ เครื่องยนต์เย็นลง น้ำมันเครื่องที่หล่อเลี้ยงจะไหลกลับไปรวมที่อ่างเก็บด้านล่าง หากมีการเริ่มใช้งานใหม่ เครื่องยนต์จะค่อย ๆ สูบน้ำมันหล่อลื่นกลับขึ้นมาใช้งานอีกครั้ง หากเร่งเครื่องแรง ๆ โดยไม่อุ่นเครื่องจะทำให้น้ำมันหล่อลื่นถูกสูบไปใช้งานไม่ทัน ส่งผลเสียต่อเครื่องยนต์ในระยะยาว ดังนั้นเมื่อสตาร์ทรถควรอุ่นเครื่อง 3-5 นาที จากนั้นเริ่มขับขี่อย่างช้า ๆ เพื่อรอให้น้ำมันเครื่องกลับมาอยู่ในอุณหภูมิที่สามารถทำงานได้ปกติ จะสามารถป้องกันการสึกหรอที่จะเกิดขึ้นกับเครื่องยนต์ได้
2.ละเลยสัญญาณเตือน
เมื่อมีไฟสัญญาณเตือนที่หน้าปัดรถยนต์ ไม่ว่าคุณจะเข้าใจสัญญาณเหล่านั้นหรือไม่ ก็ต้องใส่ใจและหาทางแก้ไข อาจสอบถามผู้รู้ หรือนำเข้าศูนย์ซ่อม ตรวจเช็กสภาพรถยนต์ เพราะไฟหน้าปัดรถยนต์คือสิ่งที่ช่วยแจ้งเตือนความผิดปกติ ดังนั้นควรเรียนรู้และทำความเข้าใจว่าสัญญาณบนหน้าปัดรถยนต์บอกอะไรบ้าง เพื่อจะได้เตรียมการแก้ไขอย่างถูกต้องเมื่อพบปัญหา
3.ปล่อยให้น้ำมันเหลือก้นถัง
บ่อยครั้งที่ผู้ขับขี่รถยนต์มักปล่อยให้น้ำมันรถเหลือเพียงก้นถัง เพราะคิดว่าไม่เป็นไรแม้จะมีสัญญาณเตือน แต่จริง ๆ แล้ว การทำเช่นนี้บ่อย ๆ จะส่งผลเสียต่อปั๊มติ๊ก ซึ่งมีหน้าที่ดูดน้ำมันจากตัวถังไปสู่เครื่องยนต์ โดยหากไม่มีน้ำมันหล่อเลี้ยงเพื่อระบายความร้อนจะทำให้เครื่องยนต์ทำงานหนักและทำให้มอเตอร์พังได้ ดังนั้นจึงควรเติมน้ำมันให้ท่วมตัวปั๊มอยู่ตลอดเวลาเพื่อยืดอายุการใช้งาน
4.ปล่อยให้ของเหลวแห้ง
น้ำมันหล่อลื่น น้ำมันเครื่อง น้ำมันเบรก น้ำมันเกียร์ น้ำยาในหม้อน้ำ น้ำยาแอร์ ฯลฯ ส่วนประกอบสำคัญต่อระบบการทำงานของเครื่องยนต์ หากไม่คอยดูแลเปลี่ยนถ่ายของเหลวเหล่านี้ตามกำหนด ก็จะส่งผลให้ระบบเครื่องยนต์เสื่อมสภาพได้ ดังนั้นหมั่นตรวจสอบดูแลนำรถยนต์เข้าศูนย์ เช็กสภาพรถยนต์ และเปลี่ยนถ่ายของเหลวต่าง ๆ เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งาน ลดการสึกหรอ และยืดอายุการใช้งาน
5.ยางแบน ยางอ่อน ก็จะไป
หากยางแบน ยางอ่อน แล้วยังฝืนขับรถต่อ จะเป็นการทำให้ ยางเสื่อมสภาพ สึกหรอ ได้ไวมากขึ้น ดังนั้นจึงควรหมั่นตรวจสอบและเติมลมยางอย่างสม่ำเสมอ เพื่อยืดอายุการใช้งานและป้องกันการสึกหรอ นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่ ลดการเกิดอุบัติเหตุ และยังช่วยประหยัดน้ำมันได้อีกด้วย
6.ขับไวไม่แคร์หลุม
การขับรถยนต์อย่างไม่ระวัง ไม่ชะลอความเร็ว เมื่อเจอทางขรุขระเป็นหลุมเป็นบ่อ หรือเจอลูกระนาด แล้วยังทะยาน หรือขับกระแทกกระทั้นต่อไป ก็จะส่งผลให้ช่วงล่าง และเครื่องรถยนต์ของคุณเสื่อมสภาพได้เร็วขึ้น อีกทั้งอาจส่งผลให้เกิดอุบัติเหตุที่ไม่คาดคิดได้ ซึ่งหากต้องการขับขี่บนถนนในเส้นทางที่ขรุขระ ควรใช้ความระมัดระวังในการขับขี่ และชะลอความเร็ว
7.ขนของหนักเป็นประจำ
การนำสิ่งของต่าง ๆ ที่มีน้ำหนักมากมาไว้ในรถยนต์ทำให้เครื่องยนต์ต้องแบกรับน้ำหนักที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ยาง โช้ค เสื่อมเร็วกว่าที่ควร และยังสิ้นเปลืองน้ำมัน นอกจากนี้ส่งผลต่อความปลอดภัยในการควบคุมสมดุล ในการเร่งเครื่อง และการเบรก ดังนั้นจึงควรวางแผนการเดินทาง หรือการขนของ เพื่อหลีกเลี่ยงการสึกหรอของรถและอันตรายที่อาจเกิดขึ้นได้
8.เหยียบมิด
เหยียบคันเร่งจนมิดนอกจากทำให้สิ้นเปลืองน้ำมันแล้ว ส่งผลเสียต่อชุดเฟืองในระบบเกียร์ ที่ต้องรับภาระหนักจากแรงบิดที่เพิ่มขึ้น หรือระบบเบรกเมื่อต้องเบรกอย่างกะทันหันบ่อย ๆ และสำคัญที่สุดยังมีโอกาสเกิดอุบัติเหตุที่เป็นอันตรายต่อผู้ขับขี่ ผู้ร่วมเดินทาง และผู้ร่วมทางอีกด้วย ดังนั้นขับรถอย่างระมัดระวัง และวางแผนก่อนเดินทางเพื่อถนอมทั้งรถและตัวคุณ
9.ดับเครื่องแต่แอร์ไม่ปิด
บางคนเมื่อดับเครื่องยนต์อาจลืมปิดแอร์ ซึ่งจะส่งผลเสียในระยะยาว เนื่องจากเมื่อสตาร์ทรถยนต์อีกครั้ง คอมเพรสเซอร์แอร์จะทำงานทันที และเกิดการกระชากของคอมเพรสเซอร์แอร์ เนื่องจากรอบเครื่องยนต์จะพุ่งสูงขึ้นเพื่อเพิ่มแรงดันน้ำมันไปหล่อเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ของรถ ส่งผลให้แอร์พังเร็วขึ้น ดังนั้นใส่ใจอีกสักนิดเพื่อการใช้งานที่ยาวนาน
10.ดับเครื่องแต่ยังใช้แบต
ดับเครื่องแล้วแต่ยังเปิดระบบไฟฟ้าไว้ หรือ ใช้งานอุปกรณ์ไฟฟ้าในรถยนต์ เช่น เปิดแอร์ เปิดไฟ เปิดเพลงฟัง หรือชาร์จโทรศัพท์ จะทำให้เกิดการใช้งานแบตเตอรี่ที่เกินความจำเป็น ส่งผลให้แบตเตอรี่รถยนต์เสื่อมได้ หรืออาจถึงขั้นแบตเตอรี่หมดและสตาร์ทรถไม่ติด สร้างความลำบากให้กับคุณเป็นอย่างยิ่ง
10.ดับเครื่องแต่ยังใช้แบต
ดับเครื่องแล้วแต่ยังเปิดระบบไฟฟ้าไว้ หรือ ใช้งานอุปกรณ์ไฟฟ้าในรถยนต์ เช่น เปิดแอร์ เปิดไฟ เปิดเพลงฟัง หรือชาร์จโทรศัพท์ จะทำให้เกิดการใช้งานแบตเตอรี่ที่เกินความจำเป็น ส่งผลให้แบตเตอรี่รถยนต์เสื่อมได้ หรืออาจถึงขั้นแบตเตอรี่หมดและสตาร์ทรถไม่ติด สร้างความลำบากให้กับคุณเป็นอย่างยิ่ง
12.ปล่อยรถคลุกฝุ่นตากแดด
อย่าปล่อยให้รถยนต์มีฝุ่นหรือสิ่งสกปรกเกาะทั้งภายในและภายนอก แนะนำควรหมั่นล้างรถ ทำความสะอาดอย่างน้อยเดือนละครั้ง ไม่ว่าดูดฝุ่นภายในรถ ซักหรือเช็ดเบาะ รวมถึงนำผ้าคลุมที่มีคุณภาพคลุมรถไว้ เมื่อไม่ได้ใช้งาน ป้องกันฝุ่น ขี้นก เศษใบไม้ กิ่งไม้ที่อาจปลิวมาทำความเสียหายต่อสีรถได้ นอกจากนี้หลีกเลี่ยงการจอดตากแดดแรง ๆ เพราะความร้อนจะส่งผลทำให้เครื่องยนต์เสื่อมสภาพเร็วขึ้นได้
การใส่ใจดูแลรักษารถยนต์อย่างดี ช่วยให้รถยนต์มีอายุการใช้งานที่ยาวนาน สามารถใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ไม่มีสะดุดแล้วการเลือก ทำประกันรถยนต์ ยังช่วยเพิ่มความอุ่นใจ ประหยัดเงิน ไม่ต้องเดือดร้อนเรื่องค่าใช้จ่ายเงินเก็บเมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด ไม่ว่าคุณจะเป็นฝ่ายผิดหรือถูก ประกันรถยนต์ ก็พร้อมให้ความคุ้มครองตามที่กรมธรรม์กำหนดได้อีกด้วย
เจ้าของรถยนต์ที่กำลังมองหา ประกันรถยนต์ ป.1 ที่ให้ความคุ้มครองแบบจัดเต็ม เจมาร์ท ประกันภัย แนะนำ ประกันรถยนต์ จี๊ดจ๊าด ราคาเริ่มต้นไม่ถึงหมื่น จ่ายเบี้ยเบา ๆ เริ่มต้น 7,990 บาทต่อปี ไม่ต้องถ่ายรูปรถ สนใจ คลิกที่นี่ นอกจากนี้ยังมี ประกันรถยนต์ Happy 1 Price จ่ายเบี้ยราคาเดียวเพียง 11,900.54 บาทต่อปี สนใจสามารถ คลิกที่นี่ หรือสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ เจมาร์ท ประกันภัย โทร. 02 099 0555 ต่อ 4262 และLINE : @jaymartinsurance
By Jaymart Ins Content Team : RIYA