ข่าวสารและบทความ

7 เนื้อสัตว์ยอดฮิต กินอย่างไรให้ดีต่อสุขภาพ

7 เนื้อสัตว์ยอดฮิต กินอย่างไรให้ดีต่อสุขภาพ

เราทราบดีว่า เนื้อสัตว์ประเภทต่าง ๆ เป็นแหล่งโปรตีน แต่ในเนื้อสัตว์แต่ละชนิด ก็จะมีทั้งประโยชน์ และข้อจำกัด JAYMART ประกันภัย นำข้อมูลเนื้อสัตว์ยอดฮิต มาฝากกันค่ะ เพื่อจะได้เลือกได้ว่ารับประทานอย่างไร จึงจะมีประโยชน์ต่อร่างกาย ดีต่อสุขภาพที่สุดค่ะ

 

1. เนื้อหมู : เนื้อหมู เป็นเนื้อสัตว์ที่เป็นที่นิยมกันมาก เพราะประกอบอาหารได้หลายประเภท และมีกลิ่นที่หอมและรสชาติที่อร่อย ซึ่งประโยชน์ของเนื้อหมู นอกจากเป็นแหล่งโปรตีนแล้ว ยังมี วิตามินบี 1 ช่วยลดอาการเหน็บชา วิตามินเอ บำรุงสายตา ฟอสฟอรัส และวิตามินบี 3 หรือ ไนอาซิน ช่วยบำรุงระบบประสาทและสมอง อีกด้วย แต่เนื้อหมูก็มีไขมันสูงด้วยเช่นกัน โดยเนื้อหมูสันใน จะเป็นเนื้อส่วนที่มีไขมันแทรกน้อยที่สุดและให้โปรตีนสูง ส่วนเนื้อสันนอกจะมีไขมันมากกว่า และเนื้อส่วนที่มีไขมันมากที่สุดจะเป็นหมูสามชั้น ตามมาด้วย คอหมู และซี่โครงหมู ซึ่งจะไม่เหมาะกับผู้จะต้องควบคุมน้ำหนัก หรือผู้ที่ป่วยเป็นโรคที่เกี่ยวข้องกับไขมัน

 

 

 

2. เนื้อวัว : ในเนื้อวัวจะมีปริมาณโปรตีนที่สูง โดยทั่วไปจะมีโปรตีนร้อยละ 20 ของน้ำหนัก และมีธาตุเหล็กที่ช่วยบำรุงเลือด และวิตามินบี 12 ที่ช่วยลดความเสี่ยงจากโรคหัวใจและสมองเสื่อมอีกด้วย แต่ในหลายส่วนของเนื้อวัว ก็มีปริมาณไขมันที่สูงเช่นกัน โดยเฉพาะเนื้อวัวโคขุน หรือเนื้อวัวที่มีลักษณะเป็นลายหินอ่อน ดังนั้นหากต้องการหลีกเลี่ยงไขมัน ควรเลือกกิน เนื้อสันส่วนบน ซึ่งมีโปรตีนสูงแต่มีไขมันแทรกอยู่น้อย นอกจากนี้เนื่องจากเนื้อวัวค่อนข้างย่อยยากกว่าเนื้อสัตว์ชนิดอื่น จึงไม่ค่อยเหมาะกับเด็ก ผู้สูงอายุ หรือผู้มีปัญหาเกี่ยวกับระบบย่อยอาหาร

 

 

 

3. เนื้อไก่ : เนื้อไก่จัดเป็นแหล่งโปรตีนที่ดีมาก เป็นโปรตีนที่ย่อยง่าย และมีไขมันน้อย นอกจากนี้ยังมี วิตามินบี 3 หรือไนอาซิน ซึ่งช่วยบำรุงระบบประสาทและสมอง วิตามินเอ ช่วยบำรุงสายตา วิตามินบี 12 ช่วยบำรุงเซลล์เม็ดเลือด รวมทั้งกรดอะมิโนที่จำเป็นต่อร่างกาย ส่วนของเนื้อไก่ที่มีโปรตีนสูง และไขมันน้อยสุด คือ เนื้อส่วนอก แต่สำหรับส่วนสะโพก ปีก และ ตูดไก่ จะเป็นส่วนที่มีไขมันมากอยู่มาก มีส่วนที่ควรระวังคือ ส่วนปีก หรือ เอ็น ข้อต่าง ๆ เพราะจะมีกรดยูริคสูง ไม่เหมาะกับผู้ที่ป่วยเป็นโรคเก๊าท์ และอีกส่วนที่ต้องระวังคือส่วนคอ ซึ่งมีผลวิจัยว่าเป็นส่วนที่พบสารตกค้างมากที่สุด 

 

 

 

 

4. เนื้อเป็ด : นอกจากรสชาติที่อร่อยแล้ว เนื้อเป็ดยังมีคุณค่าสารอาหารมากมาย ไม่ว่าจะเป็น โปรตีน แคลเซียม ฟอสฟอรัส วิตามินบี 1 และ วิตามินบี 2 ซึ่งช่วยบำรุงร่างกายในหลายส่วน และที่สำคัญ มีไนอาซิน หรือวิตามินบี 3 อยู่สูงมาก ซึ่งจะช่วยบำรุงระบบประสาทและสมอง แต่อย่างไรก็ตามเนื่องจากไขมันและคอเรสเตอรอลในเป็ดนั้นค่อนข้างสูง จึงควรรับประทานอย่างพอดี โดยเฉพาะผู้ที่ควบคุมน้ำหนัก และนอกจากนี้ เช่นเดียวกับเนื้อไก่ เนื้อเป็ดก็มีข้อจำกัดที่ไม่เหมาะกับผู้ที่ป่วยเป็นโรคเก๊าท์ เนื่องจากอาจมีส่วนทำให้เกิดอาการกำเริบของข้ออักเสบบ่อยขึ้นได้เช่นกัน แต่ไม่ได้เป็นสาเหตุของโรคเก๊าท์นะคะ

 

 

 

 

5. เนื้อแกะ : เนื้อแกะนั้นเป็นอีกแหล่งโปรตีนที่ดี มีไขมัน และ คอเรสเตอรอลต่ำ มีกรดอะมิโนที่จำเป็น มีเลซิติน ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของระบบย่อยอาหาร และลดความเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือด นอกจากนี้ยังมีวิตามินเอ วิตามินบี กรดโฟลิค ธาตุเหล็ก ซีลีเนียม สังกะสี โดยเฉพาะธาตุเหล็กนั้น มีสูงกว่าเนื้อสัตว์อื่น ๆ ราว 30% เลยทีเดียว จึงดีต่อระบบเลือดอีกด้วย แต่อย่างไรก็ตาม ก็ควรรับประทานในปริมาณที่พอเหมาะ และควรรับประทานโปรตีนอื่นร่วมด้วย เช่น เนื้อปลา ไข่ เป็นต้น

 

 

 

 

6. เนื้อปลา : เนื้อปลานั้นเป็นแหล่งโปรตีนที่ย่อยง่าย มีไขมันต่ำ ปราศจากคาร์โบไฮเดรต มีโอเมกา 3 ช่วยบำรุงสมอง สายตา เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน และป้องกันโรคหัวใจ ทั้งยังมีวิตามินเอ บี และดี มีไอโอดีน ช่วยป้องกันโรคคอพอก ธาตุเหล็ก ช่วยบำรุงเลือด และแคลเซียม ช่วยบำรุงกระดูก ซึ่งโดยทั่วไปเนื้อปลาเกือบทุกชนิด เหมาะกับทุกเพศทุกวัย สามารถรับประทานได้เป็นประจำ โดยควรรับประทานปลาที่ปรุงสุก เพื่อหลีกเลี่ยงพยาธิต่าง ๆ หากเป็นปลาดิบ จะต้องมั่นใจว่าสด และเป็นปลาทะเลเท่านั้น

 

 

 

 

7. เนื้อกุ้ง : เนื้อกุ้งนั้น เป็นอาหารทะเลยอดนิยม เป็นแหล่งโปรตีนชั้นดี มีกรดอะมิโนที่จำเป็นต่อร่างกายโดยกรดอะมิโนที่ได้จากกุ้งจะเป็นชนิดย่อยง่าย ที่ร่างกายนำไปใช้ประโยชน์ได้ทันที มีแร่ธาตุ และ คาร์โบไฮเดรต ช่วยส่งเสริมร่างกายให้มีความแข็งแรง มีแคลเซียมช่วยบำรุงเสริมสร้างกระดูกและลดความเสี่ยงของโรคกระดูกพรุน โดยเฉพาะพวกกุ้งฝอย หรือ กุ้งแห้งที่สามารถทานได้ทั้งตัวทั้งเปลือก ทั้งนี้ ควรรับประทานกุ้งที่ปรุงสุก เพื่อหลีกเลี่ยงการปนเปื้อนของเชื้อใด ๆ

 

อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญที่สุดก็คือ ควรรับประทานอาหารเนื้อสัตว์อย่างหลากหลาย ในปริมาณที่เหมาะสม พร้อมทั้งรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ และก็อย่าลืมออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอด้วยนะคะ

 

และแม้ว่าเราจะเลือกรับประทานอาหารอย่างดี ดูแลปกป้องสุขภาพของเราอย่างดีแล้ว แต่เหตุการณ์ที่เราไม่อาจควบคุมได้ ก็อาจเกิดขึ้นได้เสมอ ในหลาย ๆ ด้าน เราจึงควรหาตัวช่วยเพิ่มความอุ่นใจให้กับตัวเองและครอบครัว อย่างประกันภัยของ JAYMART ประกันภัย โดยสามารถติดต่อสอบถามประกันภัยที่เหมาะสมกับคุณได้ที่ 02 099 0555 ต่อ 4262 หรือที่ LINE : @jaymartinsurance ค่ะ

 

 

By JAYMART Content Team : RIYA