ข่าวสารและบทความ

6 ทิปส์ ดูแลรถยนต์หน้าร้อน เพื่อขับรถอย่างปลอดภัย

6 ทิปส์ ดูแลรถยนต์หน้าร้อน เพื่อขับรถอย่างปลอดภัย

เข้าสู่หน้าร้อนแล้ว นอกจากจะต้องดูแลสุขภาพร่างกายเป็นพิเศษแล้ว รถยนต์ที่เราใช้งาน ก็ต้องการการดูแลไม่แพ้กันค่ะ นอกจากนี้ การขับรถในช่วงฤดูร้อนนั้น ยังเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุมากขึ้น เนื่องจากมีฝุ่นละอองมากกว่าปกติ และการที่แสงแดดแรงจัด อาจส่งผลให้ผู้ขับขี่สายตาพร่ามัว อ่อนแรง ส่งผลให้ง่วงนอนง่ายกว่าปกติ ดังนั้นหากมีความจำเป็นที่จะต้องขับรถยนต์ในช่วงนี้ JAYMART ประกันภัย ขอแนะนำ 6 ทิปส์ดูแลรถยนต์เพื่อความปลอดภัยในการขับรถยนต์ช่วงหน้าร้อน มาฝากกันค่ะ

 

1. การดูแลรถยนต์โดยทั่วไป

-    ตรวจสอบสภาพรถยนต์โดยรวม ให้พร้อมสำหรับการขับขี่  ให้อยู่ในสภาพที่พร้อมใช้งาน ไม่ว่าจะเป็น หม้อน้ำ แอร์ ยางรถยนต์ เบรก เป็นต้น

-    ทำความสะอาดรถยนต์ และกระจกรอบทั้งคัน เนื่องจากในช่วงหน้าร้อน จะมีระยะเวลารับแสงมากกว่าปกติ อาจทำให้เกิดคราบฝุ่นติดได้มาก ดังนั้นจึงควรทำความสะอาดกระจกเสมอ เพื่อไม่ให้เกิดคราบฝุ่นหนา จนบดบังวิสัยทัศน์ได้

-    หากต้องการติดตั้งฟิล์มกรองแสง ควรเลือกชนิดที่กันความร้อนได้ด้วย โดยควรเลือกใช้ฟิล์มกรองแสงที่มีคุณภาพและเป็นของแท้ โดยพิจารณาจากศูนย์บริการที่ไว้ใจได้

 

2. การดูแลหม้อน้ำ

-    ตรวจเช็คระดับน้ำหม้อน้ำว่าอยู่ในระดับปกติ  

-    กรณี มีสัญลักษณ์เตือนอุณหภูมิภายในรถร้อนผิดปกติ อาจเกิดจาก หม้อน้ำแห้ง ให้มองหาที่จอด ดับเครื่องยนต์ เปิดฝากระโปรงเพื่อระบายความร้อน ห้ามใช้น้ำราดบริเวณเครื่องยนต์เพื่อช่วยดับร้อนเด็ดขาด ให้นั่งรอประมาณ 15-20 นาที ค่อย ๆ เปิดฝาออกทีละนิด หากพบว่าน้ำในหม้อน้ำเหลือปริมาณน้อย ก็ค่อยเติมลงไป แต่ต้องหลังจากที่เครื่องยนต์ดับ 30 นาทีนะคะ โดยเติมครั้งละครึ่งลิตร และเว้นระยะห่างครั้งละ 3 นาที เติมจนเต็ม แล้วลองติดเครื่องดู หากยังไม่สำเร็จ ก็แสดงว่าเป็นที่สาเหตุอื่น ให้เรียกช่างมาดู

 

3. การดูแลยาง

-    ควรเช็คยางรถยนต์ให้ดี เพราะผิวถนนในช่วงหน้าร้อนจะมีอุณหภูมิสูงกว่าปกติ ทำให้อากาศในยางขยายตัวมากขึ้น ส่งผลให้ยางรถบวมและหมดสภาพเร็วกว่ากำหนดได้ โดยหากพบว่ายางหมดสภาพแล้ว ก็ควรเปลี่ยนเส้นใหม่ทันที

-    ควรเติมแรงดันลมยางให้มากกว่าปกติ 2-3 ปอนด์ เมื่อต้องขับรถทางไกล ซึ่งจะช่วยป้องกันการบิดตัวของยางได้

-    ไม่ลดแรงดันลมยาง เพราะเมื่อยางอ่อน จะทำให้แก้มยางบิดตัวและร้อนง่ายกว่าปกติ ส่งผลให้แรงดันภายในยางสูงขึ้น จนยางเกิดระเบิดได้

-    กรณีจอดรถบนพื้นถนนที่มีน้ำขังนองเป็นเวลานาน จะต้องไม่นำรถไปวิ่งบนถนนที่ร้อนจัดในทันที เพราะอุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลงกะทันหัน จะทำให้ยางเสื่อมสภาพเร็วกว่าปกติ ส่งผลให้ยางบวมและระเบิดได้

-    ไม่จอดรถบนพื้นถนนที่ร้อนจัดเป็นเวลานาน โดยเฉพาะพื้นคอนกรีต และพื้นปูน ซึ่งมีคุณสมบัติในการสะสมความร้อนได้ดี เพราะจะทำให้เนื้อยางแข็งกระด้างและเสื่อมสภาพเร็วกว่าปกติ

 

4. การดูแลเบรก

-    ในหน้าร้อน อากาศและผิวถนนจะร้อนกว่าปกติ และอาจส่งผลให้ผ้าเบรกและระบบเบรกร้อนกว่าปกติ น้ำมันเบรกจึงอาจเสื่อมสภาพเร็วขึ้น ดังนั้นโดยทั่วไปจึงควรระมัดระวังที่จะเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเบรกตามระยะที่กำหนดอย่างเคร่งครัด และสามารถเปลี่ยนก่อนกำหนด หากเป็นรถที่ใช้งานบ่อย เพราะหากน้ำมันเบรกเก่าเกินไป อาจส่งผลให้รถเบรกไม่อยู่ได้

 

5. การดูแลแอร์ และอุณหภูมิของรถ

-    การตรวจสอบระบบแอร์ เป็นอีกสิ่งที่สำคัญในหน้าร้อน ซึ่งหลัก ๆ จะมี ระดับของน้ำยาแอร์ และการรั่วซึมของสายท่อแอร์ รอยต่อท่อ ตลอดจนตัวกรองอากาศ  ทั้งนี้ หากใกล้ครบระยะการทำความสะอาดตู้แอร์ ควรจะรีบทำทันที เพื่อป้องกันปัญหาแอร์ไม่เย็นขณะขับรถ 

-    ไม่จอดรถตากแดดเป็นเวลานาน เพราะทำให้ความร้อนสะสมในห้องโดยสาร ส่งผลให้อุปกรณ์ภายในรถเสื่อมสภาพและมีอายุการใช้งานสั้นลง

-    กรณีจอดรถตากแดดเป็นเวลานาน หากมีระบบสตาร์ทรถอัตโนมัติผ่านรีโมท สามารถกดสตาร์ทพร้อมเปิดแอร์เพื่อระบายความร้อนในห้องโดยสารให้เย็นลงก่อนเดินมาขึ้นได้

-    หากไม่มีระบบดังกล่าว ก่อนสตาร์รถ ให้เปิดกระจกและประตูทิ้งไว้ประมาณ 1-2 นาที เพื่อช่วยระบายความร้อนภายในห้องโดยสาร และให้รอจนกระทั่งอุณหภูมิภายนอกและภายในห้องโดยสารใกล้เคียงกัน จึงค่อยปรับไล่ระดับความเย็น ไม่ปรับอุณหภูมิให้เย็นถึงขีดสุด

-    ไม่ปรับช่องลม เป่าใส่กระจกรถโดยตรง เพื่อป้องกันกระจกแตกหรือร้าว จากอุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลงกะทันหัน

 

6. การดูแลตัวเอง

-    สวมแว่นกันแดดที่ได้มาตรฐาน สามารถกรองแสงได้อย่างน้อยร้อยละ 60-90 เพื่อลดและกรองความสว่างของแสงแดดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะทำให้มองเห็นเส้นทางได้ชัดเจนขึ้น เนื่องจากแสงแดดจ้าในช่วงกลางวัน โดยเฉพาะตอนเที่ยง มักทำให้สายตาพร่าและเมื่อยล้าได้ง่าย และอาจส่งผลให้เกิดอุบัติเหตุได้

-    ใช้ที่บังแดดปิดลงมาที่กระจกหน้ารถ เพื่อบังแสงแดดไม่ให้ส่องเข้าตา จะช่วยป้องกันไม่ให้สายตาอ่อนล้าและเกิดอาการง่วงนอนขณะขับรถ

-    หลีกเลี่ยงการขับรถติดต่อกันเป็นเวลานาน แต่หากจำเป็นต้องเดินทางระยะยาว ควรหยุดพักรถทุก 150–200 กิโลเมตร หรือทุก ๆ 2 ชั่วโมง เพื่อให้เครื่องยนต์และยางคลายความร้อน รวมถึงผู้ขับขี่ได้จะได้เปลี่ยนอิริยาบถ ซึ่งจะช่วยคลายอาการง่วง และป้องกันการหลับในได้ ทั้งนี้หากง่วงนอน ให้หาที่จอดพักรถ เช่น ปั๊มน้ำมัน ร้านอาหาร จุดพักรถ เพื่อพักเข้าห้องน้ำ ล้างหน้า รอให้พร้อมเดินทางต่อไป  

-    เพิ่มความระมัดระวังเมื่อขับรถผ่านเส้นทางที่มีฝุ่นละอองปกคลุม หากทัศนวิสัยไม่ดี ไม่ควรฝืนขับรถต่อ เพราะอาจเกิดอันตรายได้ ทั้งนี้ กรณีสามารถขับรถต่อไปได้ ให้เปิดไฟหน้ารถ ขับรถให้อยู่ในช่องทางจราจร ไม่เปลี่ยนช่องกะทันหัน ไม่ขับแซงในระยะกระชั้นชิด เพราะอาจเกิดอุบัติเหตุได้

 

เมื่อเตรียมพร้อมอย่างนี้แล้ว เราก็พร้อมจะขับรถในหน้าร้อนกันอย่างปลอดภัยกันแล้วค่ะ

แต่แม้ว่าเราจะเตรียมพร้อมในการดูแลรถยนต์ของเราเป็นพิเศษดังที่กล่าวมาแล้วมากเท่าใด แต่เหตุการณ์ไม่คาดคิด ก็อาจเกิดขึ้นได้เสมอ จึงควรหาตัวช่วยเพิ่มความอุ่นใจด้วยประกันภัยรถยนต์ ของ เจมาร์ท ประกันภัย ที่บริการฉับไว ภายใน 30 นาที (ในเขตกรุงเทพและปริมณฑล) ด้วยพนักงานสำรวจภัยที่มีอยู่ทุกจังหวัดทั่วประเทศ  พร้อมระบบ SMS Alert แจ้งการเดินทางของพนักงานสำรวจภัยให้ทราบ และที่สำคัญ อุ่นใจกับบริการช่วยเหลือฉุกเฉินบนท้องถนนที่พร้อมให้บริการคุณตลอด 24 ชั่วโมง สนใจติดต่อสอบถามได้ที่ 02 099 0555 ต่อ 4262 หรือ Line : @jaymartinsurance ค่ะ

 

 

By JAYMART Content : RIYA