ทำความรู้จักและข้อควรรู้เกี่ยวกับรถยนต์ไฟฟ้า EV
ปัจจุบันเราเห็น รถยนต์ไฟฟ้า EV ตามท้องถนนมากขึ้น เนื่องจากความนิยมที่มีมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นความประหยัดจากค่าเชื้อเพลิงในการเดินทาง หรือการช่วยลดมลพิษ แต่อย่างไรก็ตามก็ยังมีข้อมูลที่ควรทราบและให้ความใส่ใจเพื่อการใช้รถยนต์ไฟฟ้าอย่างราบรื่น เจมาร์ท ประกันภัย จึงได้รวบรวมข้อมูลมาฝากดังนี้ค่ะ
รถยนต์ไฟฟ้า EV คืออะไร
รถยนต์ไฟฟ้า ก็คือรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานจากไฟฟ้าแทนการใช้เครื่องยนต์ที่มีการเผาไหม้แบบสันดาป โดยเป็นการใช้พลังงานที่เก็บอยู่ในแบตเตอรี่หรืออุปกรณ์เก็บพลังงานไฟฟ้ารูปแบบต่าง ๆ ซึ่งสามารถแบ่งตามประเภทการใช้งานไฟฟ้าได้ 3 ประเภท ดังนี้ค่ะ
-
รถยนต์ไฟฟ้าแบบไฮบริด HEV (Hybrid Electric Vehicle)
รถยนต์ที่ใช้พลังงานแบบผสมระหว่าง น้ำมันเชื้อเพลิงทั่วไปและพลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ไปพร้อมกัน ซึ่งจะส่งผลให้มีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงต่ำกว่าแบบใช้เครื่องยนต์เพียงอย่างเดียว
-
รถยนต์ไฟฟ้าแบบปลั๊ก-อิน ไฮบริด PHEV (Plug-in Hybrid Electric Vehicle)
รถยนต์ที่มีระบบน้ำมันเชื้อเพลิงและระบบไฟฟ้าเช่นเดียวกับแบบไฮบริด และมีความสามารถใกล้เคียงกับแบบไฮบริด แต่ต่างกันที่สามารถเสียบปลั๊กชาร์จไฟจากภายนอก หรือ Plug-in ได้
-
รถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% PEVs (Plug-in Electric Vehicles)
รถยนต์ไฟฟ้าแบบใช้แหล่งพลังงานไฟฟ้าอย่างเดียวในการขับเคลื่อน หรือมีเพียงแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ที่เป็นแหล่งพลังงานไฟฟ้าหลักเพียงอย่างเดียวในการขับเคลื่อน และเป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่ไม่มีการปล่อยมลพิษ หรือ Zero Emission
ข้อดีของรถยนต์ไฟฟ้า EV
- เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
รถยนต์ไฟฟ้าโดยเฉพาะประเภท Plug-in Electric Vehicles นั้น จะใช้พลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่เพียงอย่างเดียว จึงไม่ก่อให้เกิดมลภาวะ และยังได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐ จึงอาจทำให้ได้รับส่วนลดการซื้อรถยนต์ไฟฟ้า สิทธิพิเศษทางภาษี หรือสิทธิพิเศษอื่น ๆ ตามช่วงเวลาต่าง ๆ ได้ค่ะ
- ประหยัดค่าเชื้อเพลิง
แม้ว่ารถยนต์ไฟฟ้ายังมีราคาที่ค่อนข้างสูง แต่ในระยะยาว เมื่อเทียบดูค่าเชื่อเพลิงแล้วจะประหยัดกว่าเดิมมาก โดยรถยนต์ไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว มีต้นทุนค่าพลังงานในการเดินทางเริ่มต้นที่ประมาณ 0.37 บาท / 1 กิโลเมตร สำหรับรถยนต์ไฮบริด เริ่มต้นที่ประมาณ 1.25 บาท / 1 กิโลเมตร ในขณะที่ รถยนต์น้ำมันทั่วไป เริ่มต้นที่ประมาณ 1.76 บาท / 1 กิโลเมตร
- ประหยัดค่าซ่อมบำรุง
เนื่องจากรถยนต์ไฟฟ้าไม่มีเครื่องยนต์แบบสันดาป มีอะไหล่น้อยชิ้น และไม่ต้องเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง จึงทำให้การดูแลรักษาง่ายกว่ารถยนต์แบบใช้น้ำมันทั่วไป และส่งผลให้ประหยัดทั้งเวลาและค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุง
- เงียบกว่า
เนื่องจากกลไกในการขับเคลื่อนไม่ต้องใช้การจุดระเบิดเพื่อเผาไหม้อย่างรถยนต์ที่ใช้น้ำมัน จึงทำให้รถยนต์ไฟฟ้า มีเสียงที่เงียบกว่ารถที่ใช้น้ำมันเป็นพลังงานเชื้อเพลิง นอกจากนี้ การใช้มอเตอร์ไฟฟ้าทำให้มีแรงบิดมากกว่า อัตราการเร่งจึงดีกว่ารถยนต์ที่ใช้น้ำมันอีกด้วย
- มีความอเนกประสงค์
คุณอาจเคยเห็นรีวิวจากสื่อโซเชียลบ้างแล้วว่ารถยนต์ไฟฟ้า สามารถเป็นมากกว่ารถยนต์ เนื่องจากรถยนต์ไฟฟ้าจะไม่มีไอเสียทำให้สามารถใช้งานในสถานที่ปิดได้อย่างสบาย ในบางโอกาส คุณจึงสามารถเปิดระบบและเปิดแอร์เพื่อใช้รถยนต์ไฟฟ้าเป็นสถานที่นั่งเล่น นั่งทำงาน ได้อย่างปลอดภัย
ข้อควรระวังของรถยนต์ไฟฟ้า EV
- ยังมีราคาสูงอยู่
แม้ว่าจะมีอัตราเชื้อเพลิงที่ต่ำและมีการพัฒนาระบบของรถยนต์อย่างต่อเนื่อง แต่ราคารถยนต์ไฟฟ้าก็ยังค่อนข้างสูงอยู่ เนื่องจากในการผลิตจำเป็นต้องใช้เทคโนโลยีที่มีราคาสูง ทำให้รถยนต์มีราคาสูง ส่งผลให้การตัดสินใจซื้อก็ยังมีจำนวนน้อย และการผลิตก็น้อยไปตามกลไกการตลาด จึงทำให้ราคาของรถยนต์ไฟฟ้ายังสูงอยู่ และนอกจากนี้ รถยนต์ไฟฟ้าก็ยังมีตัวเลือกไม่มาก มีเพียงไม่กี่ค่ายและไม่กี่รุ่นเท่านั้น
- ระยะทางในการขับขี่ที่จำกัด จุดชาร์จไฟยังน้อย
ระยะทางขับขี่ของรถยนต์ไฟฟ้าจะถูกจำกัดด้วยความจุของแบตเตอร์รี่และประสิทธิภาพของมอเตอร์ไฟฟ้า และไม่สามารถใช้น้ำมันทดแทนได้ ดังนั้นก่อนออกเดินทางจึงควรมีการคำนวณระยะทางให้รอบคอบก่อน โดยสำรวจเส้นทางว่ามีจุดชาร์จหรือไม่ เพราะแม้ว่ารถยนต์ไฟฟ้าจะได้รับความนิยมสูงขึ้น แต่สถานบริการชาร์จไฟ ก็ยังมีไม่ครอบคลุมทุกพื้นที่
- ระยะเวลาการชาร์จนานกว่า
ถึงแม้ว่าปัจจุบันนี้เทคโนโลยีการชาร์จแบตเตอร์รี่จะพัฒนาไปได้อย่างรวดเร็วแล้ว โดยอาจใช้เวลาในการชาร์จเพียง 10-15 นาที สำหรับระยะทางขับขี่อีกเป็นร้อยกิโลเมตร แต่ก็ยังช้ากว่าการเติมน้ำมันเพียง 2-3 นาที และขับไปได้ถึง 500-600 กิโลเมตร ระยะเวลาในการชาร์จไฟฟ้าจึงยังถือเป็นข้อด้อยของรถไฟฟ้าที่ใช้เวลานานกว่าการเติมน้ำมันอยู่ดี
- อู่ซ่อมหายากกว่า ซ่อมนานกว่า
ในปัจจุบันอู่ซ่อมรถยนไฟฟ้ายังมีไม่มาก และอาจใช้เวลาในการซ่อมบำรุงที่นานกว่าปกติ เนื่องจากเป็นระบบไฟฟ้าที่มีความจำเพาะสูง และต้องการช่างที่มีทักษะสูง ดังนั้นหากมีปัญหา ก็ควรนำรถยนต์เข้าศูนย์บริการเท่านั้น
การใช้รถยนต์ไฟฟ้า EV นั้นมีข้อดีหลัก ๆ คือ การประหยัดค่าใช้จ่าย และมีความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ส่วนข้อเสียหลัก ๆ ก็จะเป็นความกังวลในเรื่องระยะทางในการขับขี่ และความสะดวกในการหาจุดบริการชาร์จไฟฟ้า แต่อย่างไรก็ตาม เราสามารถแก้ไขได้โดยการวางแผนเดินทางให้รอบคอบดังที่ได้กล่าวมาแล้ว
ที่สำคัญอย่าลืมเพิ่มความอุ่นใจใด้วย ประกันรถยนต์ไฟฟ้า Energy Plus ราคาเริ่มต้น 20,000 บาท ของ เจมาร์ท ประกันภัย ที่คุ้มครองครอบคลุมทั้งชีวิตและทรัพย์สินสำหรับผู้ใช้งานรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า 100% ในกรณีเกิดอุบัติเหตุชนเฉี่ยวบนท้องถนน รถสูญหาย ไฟไหม้ เลือกได้ทั้งซ่อมห้างและซ่อมอู่ พร้อม บริการช่วยเหลือฉุกเฉินบนท้องถนน ฟรี! สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ เจมาร์ท ประกันภัย โทร. 02 099 0555 ต่อ 4262 หรือที่ LINE : @jaymartinsurance ค่ะ
By JAYMART Content Team : RIYA