ข่าวสารและบทความ

5 เทคนิคเลือกซื้อรถยนต์พลังงานไฟฟ้า ให้เหมาะกับการขับขี่

5 เทคนิคเลือกซื้อรถยนต์พลังงานไฟฟ้า ให้เหมาะกับการขับขี่

รถยนต์ไฟฟ้า หรือ รถยนต์ EV (Electric Vehicle) เป็นรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า ซึ่งมีจุดเด่นคือ ไม่ก่อมลพิษ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ประหยัดพลังงานและค่าใช้จ่าย เสียงเครื่องยนต์เงียบ แรงบิดและอัตราเร่งดีกว่า ดังนั้นใครที่กำลังตัดสินซื้อรถยนต์ EV มาใช้งาน เจมาร์ท ประกันภัย ขอแนะนำ 5 เทคนิคง่าย ๆ ในการพิจารณาซื้อรถยนต์ไฟฟ้า มาฝากกันค่ะ  

 

1. ประสิทธิภาพในการขับขี่
รถยนต์ไฟฟ้ารุ่นที่คุณเลือกควรมีระยะการใช้งานในแต่ละวัน ไม่น้อยกว่าระยะทางที่คุณขับ อย่างเช่น หากคุณขับรถประมาณวันละไม่ถึง 100 กิโลเมตร คุณก็สามารถเลือกรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใดก็ได้ แต่หากคุณมีเส้นทางขับรถในแต่ละวัน มากกว่า 250 กิโลเมตรขึ้นไป หรือระยะทางไม่แน่นอน คุณควรเลือกรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่มีความจุแบตเตอรี่ที่มากพอให้คุณสามารถเดินทางได้ประมาณ 400 กิโลเมตร เพื่อให้มั่นใจว่าคุณจะสามารถทำกิจวัตรในแต่ละวันได้อย่างไม่ต้องกังวลว่าแบตเตอรี่จะหมดระหว่างวัน ทำให้ต้องเสียเวลาในการชาร์จแบตนาน ๆ โดยหากคุณมีงบก็ควรพิจารณารุ่นที่มีความจุแบตเตอรี่สูงไว้ก่อน

 

2. ขับขี่ใกล้ไกล มีสถานีชาร์จไฟบริการ
จริง ๆ แล้ว รถยนต์พลังงานไฟฟ้านั้น เหมาะกับการเดินทางไม่ว่าจะใกล้หรือไกล แต่ก็ยังมีรายละเอียดบางอย่างที่น่าจะนำมาประกอบการพิจารณานั่นก็คือ แม้ว่าจุดชาร์จรถยนต์พลังงานไฟฟ้า แบบ DC Fast Charge ในปัจจุบันนี้ (ปี 2565) จะตั้งอยู่ค่อนข้างครอบคลุมจุดใหญ่ ๆ หรือเส้นทางสายหลักเกือบหมดแล้ว แต่ในเส้นทางย่อยต่าง ๆ ยังมีไม่มากนัก ดังนั้น คุณอาจต้องพิจารณาว่า เส้นทางที่คุณเดินทางไปเป็นประจำนั้น ไม่ว่าทางใกล้หรือทางไกล มีจุดชาร์จอยู่ที่ไหนบ้าง เชื่อมโยงเส้นทางของคุณได้อย่างสะดวกหรือไม่ หรือมีโอกาสจะทำให้การเดินทางของคุณสะดุดหรือไม่ โดยคุณสามารถค้นหาจุดชาร์จ ได้ง่าย ๆ ด้วยการใช้แอปฯ เช็กสถานีชาร์จ EV เช่น EA Anywhere, Evolt, MEA EV, PlugShare, NOSTRA เป็นต้น

 

3. เตรียมบ้านให้พร้อมต้อนรับรถยนต์EV
การเตรียมบ้านเพื่อติดตั้งเครื่องชาร์จไฟฟ้าเป็นสิ่งสำคัญที่ค่อนข้างมีรายละเอียดมากอยู่พอสมควร แต่ก็เป็นการจัดการใหญ่เพียงครั้งเดียว ซึ่งหากที่อยู่อาศัยของคุณเป็นบ้านเดี่ยวของคุณเอง ก็เป็นข้อดีที่ทำให้คุณสามารถดำเนินการติดตั้งได้เลย ต่างจากผู้ที่อาศัยอยู่ในคอนโดที่อาจมีขั้นตอนมากกว่าเล็กน้อยในการทำเรื่องขออนุญาตจากนิติบุคคล และในการติดตั้งก็อาจมีค่าใช้จ่ายที่สูงกว่าด้วย แต่เช่นเดียวกันไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหน เมื่อคุณมีจุดชาร์จเป็นของตัวเอง ก็สามารถเติมพลังได้อย่างสบายใจ ไม่ต้องรอคอยหรือแย่งชิงเวลาชาร์จกับสมาชิกในจุดชาร์จอื่น ๆ ซึ่งแต่ละรอบการชาร์จจะต้องใช้เวลานานพอสมควรเลยทีเดียว

 

4. เลือกแบรนด์และกำหนดงบประมาณ
ก่อนตัดสินใจซื้อรถยนต์ไฟฟ้ามาใช้งาน ควรพิจารณาเลือกแบรนด์ที่มีชื่อเสียงที่ดี มีความน่าเชื่อถือ เพื่อให้มั่นใจได้ ทั้งในเรื่องคุณภาพของรถยนต์และศูนย์บริการที่ได้มาตรฐาน นอกจากนี้ยังต้องพิจารณาในเรื่องของ บริการหลังการขาย การรับประกันระบบไฟฟ้าและแบตเตอรี่ เพื่อให้มั่นใจว่าหากเกิดปัญหาใด ๆ คุณจะได้รับการดูแลอย่างดีและเป็นระบบ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วผู้จำหน่ายรถยนต์จะให้การรับประกัน 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตรขึ้นไป แต่ถ้ามากกว่านี้จะยิ่งดี นอกจากนี้ของแถมมาตรฐานที่ควรได้รับ คือ สายชาร์จฉุกเฉิน ซึ่งจะเป็นประโยชน์มากกรณีเดินทางแต่หาที่ชาร์จไม่ได้ และ Home Charger หรือ อุปกรณ์ Wall Box ที่เป็นเครื่องมือสำคัญให้คุณชาร์จที่บ้านได้

 

5. ศึกษาข้อมูลอีกนิด รีวิวอีกหน่อย
นอกจากนี้หากคุณพิจารณาแล้วว่าต้องการเป็นเจ้าของรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใด ก็ควรหาข้อมูลและพิจารณาเพิ่มเติมว่า รถยนต์ไฟฟ้ารุ่นที่คุณต้องการนั้น สามารถตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์และความพึงพอใจของคุณได้จริงหรือไม่ หรือทำให้คุณได้รับความสะดวกมากเพียงใด ยิ่งหากคุณต้องขับรถยนต์เป็นประจำแล้ว คุณยิ่งต้องค้นหารายละเอียดเพิ่มเติมให้ครอบคลุมที่สุด โดยสามารถสอบถามได้จากโชว์รูมรถยนต์ไฟฟ้า หรือค้นหารีวิวจากอินเทอร์เน็ต และที่น่าจะบอกเล่ารายละเอียดได้ดีที่สุด ก็คือการได้พูดคุยกับผู้ที่ใช้งานจริง เพื่อให้คุณมั่นใจได้ว่า นี่แหละคือรุ่นที่คุณต้องการอย่างแท้จริง  

 

นอกจากเทคนิคการพิจารณาซื้อรถยนต์พลังงานไฟฟ้าแล้ว สิ่งที่คุณควรเตรียมไว้เมื่อตัดสินใจซื้อรถยนต์พลังงานไฟฟ้าคือ ประกันภัยรถยนต์ไฟฟ้า ประเภท 1 ENERGY PLUS ที่จะมาช่วยเพิ่มความอุ่นใจให้คุณ คุ้มครองครอบคลุมทั้งชีวิตและทรัพย์สิน ในกรณีเกิดอุบัติเหตุชนเฉี่ยวบนท้องถนน รถสูญหาย ไฟไหม้ เลือกได้ทั้งซ่อมห้างและซ่อมอู่ พร้อมฟรีบริการช่วยเหลือฉุกเฉินบนท้องถนน บริการรถยก บริการช่างซ่อมกุญแจ ตลอดจนบริการให้คำปรึกษาด้านเทคนิคอีกด้วย สนใจสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ เจมาร์ท ประกันภัย โทร. 02 099 0555 ต่อ 4262 หรือที่ LINE : @jaymartinsurance ค่ะ

 

 By Jaymart Content Team : RIYA