ข่าวสารและบทความ

9 ความเชื่อผิด ๆ เสี่ยงทำรถพัง สิ้นเปลืองน้ำมัน หรือเกิดอุบัติเหตุ

9 ความเชื่อผิด ๆ เสี่ยงทำรถพัง สิ้นเปลืองน้ำมัน หรือเกิดอุบัติเหตุ

การดูแลรักษารถยนต์ หรือ ใช้งานรถยนต์อย่างถูกวิธี ตลอดจนพฤติกรรมการขับขี่ ถือเป็นส่วนสำคัญในการช่วยยืดอายุของรถยนต์ได้เป็นอย่างดี แต่ปัจจุบันก็ยังมีความเชื่อที่ไม่ถูกต้องเกี่ยวกับการใช้รถยนต์ ดังนั้น เจมาร์ท ประกันภัย ได้รวบรวม 9 ความเชื่อผิด ๆ ที่เพิ่มความเสี่ยงทำให้เครื่องยนต์พัง สิ้นเปลืองน้ำมัน รวมถึงเกิดความเสียหายและอุบัติเหตุบนท้องถนนได้  

อุ่นเครื่องก่อนขับ ช่วยประหยัดน้ำมัน
ความเชื่อที่ว่าก่อนขับรถต้องอุ่นเครื่องก่อน โดยสตาร์ทเครื่องยนต์เอาไว้ เพื่อให้เครื่องยนต์ทำงานในสภาวะอุณหภูมิที่มีความเหมาะสม แต่จริง ๆ แล้ว คุณไม่จำเป็นต้องอุ่นเครื่องทุกครั้งจนได้อุณหภูมิที่เหมาะสมจึงจะออกจากบ้าน เพราะยิ่งคุณสตาร์ทเครื่องไว้นานเท่าไหร่ คุณก็จะเสียน้ำมันไปเท่านั้น และเป็นการสิ้นเปลืองน้ำมันโดยใช่เหตุ โดยสิ่งที่คุณควรทำคือค่อย ๆ ขับรถออกจากบ้าน และการทำงานของเครื่องยนต์จะทำให้อุณหภูมิไปถึงจุดที่เหมาะสมเอง

 

ยกก้านปัดน้ำฝนขึ้นทุกครั้งที่จอดรถยนต์ เพื่อยืดอายุการใช้งาน
การยกก้านปัดน้ำฝนขึ้นโดยเฉพาะเมื่อจอดรถตากแดด หรือแม้แต่จอดไว้ที่ร่มภายในบ้านก็ยังมีคนยกขึ้น เพราะเชื่อว่าช่วยยืดอายุการใช้งานของยางปัดน้ำฝน แต่จริง ๆ แล้วนั้น ยางปัดน้ำฝนจะมีอายุการงานอยู่ที่ประมาณ 1 ปี ไม่ว่าจะยกขึ้นหรือไม่ยกขึ้นก็ตาม ไม่มีผลอะไรมากนัก แต่การยกขึ้นบ่อย ๆ กลับส่งผลเสียต่อสปริงของก้านปัด ซึ่งจะมีค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมสูงกว่าการเปลี่ยนยางปัดน้ำฝนด้วยซ้ำ ดังนั้นถ้าต้องการถนอมรถยนต์ควรเลือกจอดรถในที่ร่มก็เพียงพอแล้ว

 

เติมลมยางแข็ง ทำให้ยางระเบิด
ข้อเสียของการเติมลมยางแข็งไป คือเวลาขับไปจะรู้สึกสะดุดกับความแข็ง และเนื่องจากแก้มยางยกตัวขึ้น จึงอาจส่งผลให้การเกาะถนนลดลง ส่วนสาเหตุที่ทำให้ยางระเบิดนั้นไม่ได้มาจากลมยางแข็งไป แต่มาจากการที่ลมยางอ่อนเกินไป เพราะแก้มยางจะมีหลายชั้นซ้อนกันอยู่ เมื่อลมอ่อนแก้มยางจะย้วยและยืดยุบตลอดเวลาทำให้ร้อนจนอาจระเบิดได้ และยังทำให้สิ้นเปลืองน้ำมันกว่าปกติอีกด้วย ดังนั้นจึงควรเติมลมยางให้พอดี โดยสามารถดูค่าการเติมได้จากคู่มือรถ และหากเดินทางไกลควรเติมลมยางให้มากกว่าที่คู่มือกำหนดไว้ประมาณ 2-4 ปอนด์ โดยควรเช็กและเติมลมยางช่วงก่อนเดินทาง หรือในขณะที่ยางยังไม่ร้อนหรือยังไม่ขยายตัว

 

เข้าเกียร์ D ทุกครั้งเมื่อจอดรถติดไฟแดง เพื่อถนอมรถประหยัดน้ำมัน
จริง ๆ แล้วหากรถติดไม่นาน สามารถใช้เกียร์ D พร้อมเหยียบเบรกไว้ได้ แต่หากรถติดนาน ๆ การเข้าเกียร์ N จะปลอดภัยมากกว่า ช่วยป้องกันเท้าล้าไม่ให้เผลอปล่อยเท้าจากเบรก ทำให้รถไม่ไหลไปชนคันหน้าได้ ซึ่งการเปลี่ยนเกียร์ก็ไม่ได้มีผลต่อการสึกหรอมากนัก และยังประหยัดน้ำมันกว่าการเข้าเกียร์ D อีกด้วย นอกจากนี้บางคนคิดว่าควรเข้าเกียร์ P เพื่อความปลอดภัย แต่การเข้าเกียร์ P ควรทำเมื่อจอดพักรถแล้วเท่านั้น เช่น เมื่อกลับถึงบ้าน หรือไปถึงที่ทำงานแล้ว เพราะเวลาที่เข้าเกียร์ P ชุดระบบเกียร์จะถูกล็อกไว้ หากอยู่กลางท้องถนนและเกิดมีรถมาชนท้าย จะส่งผลให้เกียร์ได้รับความเสียหายมากกว่า นอกจากนี้เวลาที่เปลี่ยนจากเกียร์ P มาเกียร์ D หากเร่งรีบเผลอไผล ก็อาจมีโอกาสพลาดไปเป็นเกียร์ R ได้

 

เปลี่ยนน้ำมันเครื่องทุก 5,000 กม. ช่วยลดการสึกหรอของเครื่องยนต์
หากเป็นเมื่อสิบปีที่แล้วสำหรับรถยนต์รุ่นเก่า ๆ ก็อาจจะจริง แต่ในสมัยนี้ ได้มีการพัฒนาน้ำมันเครื่องประเภทสังเคราะห์หรือกึ่งสังเคราะห์ทั่วไป ให้มีประสิทธิภาพการใช้งานที่สูงกว่าเดิมถึงสองเท่า สามารถปกป้องชิ้นส่วนเครื่องยนต์ได้ดีขึ้น ดังนั้นเราจึงสามารถเปลี่ยนน้ำมันเครื่องเมื่อถึงทุก ๆ 10,000 กม. ได้ แต่ก็ต้องพิจารณาลักษณะการใช้งานอื่น ๆ เพิ่มเติมด้วย

 

เปิดสัญญาณไฟฉุกเฉิน เมื่อข้ามแยก
การเปิดสัญญาณไฟฉุกเฉินเวลาข้ามแยกที่ไม่มีสัญญาณไฟนั้น อาจก่อให้เกิดความสับสนได้ เนื่องจากรถที่ขับมาทั้งฝั่งซ้ายและฝั่งขวาของคุณ ต่างก็เห็นสัญญาณไฟเลี้ยวเพียงด้านใดด้านหนึ่งเท่านั้น จึงอาจเกิดความเข้าใจผิดและส่งผลให้เกิดอุบัติเหตุได้ อีกกรณีคือ การเปิดไฟฉุกเฉินขณะที่ฝนตกหนัก ซึ่งอาจทำให้รถที่ขับตามมาไม่รู้ว่าเราจะไปทางซ้ายหรือขวา หรืออาจเข้าใจว่ารถของคุณเสีย และพยายามเปลี่ยนช่องทางหรือพยายามแซง ซึ่งอาจเป็นเหตุให้เกิดอุบัติเหตุได้ ดังนั้นการใช้ไฟฉุกเฉินควรใช้ในเวลาฉุกเฉินเท่านั้น อย่างเช่น กรณีที่รถเสีย หรือรถด้านหน้าเกิดอุบัติเหตุ เป็นต้น

 

หลีกเลี่ยงการใช้แตร เพื่อไม่ให้เสียมารยาท
แน่นอนว่าการใช้แตรเท่าที่จำเป็นคือสิ่งที่ควรทำเพื่อไม่ให้รบกวนผู้อื่น แต่เมื่อเกิดเหตุที่จำเป็นต้องใช้แตร ก็ไม่ควรหลีกเลี่ยงหรือลังเล แต่ก็ต้องใช้อย่างเหมาะสมและมีมารยาทด้วย เนื่องจากจุดประสงค์ของแตร มีไว้เพื่อสื่อสารกับผู้ร่วมทางหรือให้สัญญาณในกรณีต่าง ๆ ทั้งยังช่วยเตือนผู้ร่วมทางไม่ให้เกิดอุบัติเหตุได้อีกด้วย ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับลักษณะที่คุณกดแตรด้วยนั่นเอง โดยทั่วไปการกดแตรเบา ๆ สั้น ๆ ก็จะเป็นทักทาย หรือ การเตือน เช่นเตือนให้ออกรถ หากกดดังและยาว สองครั้ง จะเป็นการเตือนว่าอาจเกิดอุบัติเหตุ แต่ที่ไม่แนะนำให้ทำ คือการบีบแตรแช่ไว้ยาว ๆ ซึ่งเหมือนเป็นการด่าทอกันนั่นเอง ทั้งนี้การบีบแตรโดยไม่จำเป็น หรือไม่ใช่เป็นการป้องกันอุบัติเหตุ เป็นการไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย มีโทษปรับสูงสุด 500 บาท ตามมาตรา 148

 

ขับรถยิ่งช้ายิ่งประหยัดน้ำมัน
การขับรถบนท้องถนนในความเร็วเฉลี่ย 60-80 กม. อาจช่วยประหยัดน้ำมันได้ถึง 25% แต่หากเดินทางไกล การขับรถช้าไม่ได้ช่วยประหยัดน้ำมันแต่อย่างใด เนื่องจากกำลังจากเครื่องยนต์ไม่ได้ถูกตัดต่อกำลังให้อยู่ในตำแหน่งเกียร์สูงสุด นอกจากนี้หากมีการเปลี่ยนเกียร์ไปมาในขณะเหยียบคันเร่ง หรือเบรกบ่อย ก็ยิ่งจะทำให้กินน้ำมันเพิ่มขึ้นไปอีก ดังนั้นในการขับรถทางไกล จึงควรดูรอบเครื่องยนต์กับความเร็วให้สัมพันธ์กัน ซึ่งโดยทั่วไปความเร็วจะอยู่ที่ประมาณ 90-110 กม./ชม.อย่างไรก็ตาม ความเร็วที่ใช้ต้องไม่เกินกว่าที่กฎหมายกำหนด เช่น เขตชุมชนก็ควรลดความเร็ว เพื่อความปลอดภัยโดยดูได้จากป้ายจราจร

 

ขับรถลงเขา ดับเครื่อง ปล่อยเกียร์ว่าง เหยียบเบรกเรื่อย ๆ เพื่อประหยัดน้ำมัน
การดับเครื่องลงเขาเป็นสิ่งที่อันตรายมาก เพราะน้ำหนักของรถที่กำลังเคลื่อนที่จากบนลงล่าง จะทำให้รถทะยานไปด้วยความเร็วที่มากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งจะส่งผลให้รถเสียการทรงตัวได้ง่าย นอกจากนี้การเหยียบเบรกตลอดเวลาจะทำให้จานเบรกร้อน ส่งผลให้จานเบรกและผ้าเบรกไหม้เสียหายได้ และเนื่องจากเป็นการขับรถในที่ชันหากเกิดอุบัติเหตุก็มีโอกาสสูงที่จะร้ายแรงมาก ดังนั้น เมื่อขับรถลงเขา ห้ามดับเครื่องยนต์ แต่ให้ถอนคันเร่งและใช้เกียร์ต่ำตลอดทาง และขับด้วยความระมัดระวังอย่างยิ่ง จึงจะสามารถควบคุมรถและช่วยลดโอกาสเกิดอุบัติเหตุได้

 

ดูแลรถอย่างดีแต่เหตุการณ์ไม่คาดคิดก็อาจเกิดขึ้นได้เสมอ ดังนั้นอย่าลืมให้ความสำคัญกับการเลือกทำ ประกันภัยรถยนต์ ซึ่งหากใครกำลังเปรียบเทียบหรือตัดสินใจว่า ทำประกันรถยนต์ที่ไหนดี เจมาร์ท ประกันภัยขอแนะนำแพ็กเกจจี๊ดจ๊าด ประกันรถยนต์ ชั้น 1 ราคาถูก จ่ายเบี้ยเริ่มต้น 7,990 บาทต่อปี ไม่ต้องถ่ายรูปรถ และ Happy 1 Price ประกันรถยนต์ ชั้น 1 รถเก๋ง รถกระบะ จ่ายเบี้ยราคาเดียว 11,900.54 บาทต่อปี นอกจากนี้เอาใจคนขับขี่รถยนต์ EV ด้วย Energy Plus ประกันรถยนต์พลังงานไฟฟ้า ราคาเริ่มต้น 20,000 บาทต่อปี

อย่างไรก็ตามเลือกทำประกันภัยรถยนต์กับ เจมาร์ท ประกันภัย มั่นใจได้รับความคุ้มครองตามเงื่อนไขของกรมธรรม์แน่นอน พร้อมมีบริการช่วยเหลือฉุกเฉินบนท้องถนนตลอด 24 ชั่วโมง สนใจสอบถามประกันภัยรถยนต์ ประกันอุบัติเหตุ ประกันสุขภาพ ประกันภัยบ้าน เพิ่มเติมสามารถโทร. 02 099 0555 ต่อ 4262 หรือ LINE : @jaymartinsurance ค่ะ

 

By Jaymart Ins Content Team: RIYA