ข่าวสารและบทความ

4 ข้อมูลต้องรู้ เพื่อรับมือหากลูกน้อยเป็นตาแดง

4 ข้อมูลต้องรู้ เพื่อรับมือหากลูกน้อยเป็นตาแดง

4 ข้อมูลต้องรู้ เพื่อรับมือหากลูกน้อยเป็นตาแดง

โรคตาแดงหรือโรคเยื่อบุตาอักเสบ คือ อาการที่เยื่อบุตาขาวเปลี่ยนเป็นสีแดง เนื่องจากการอักเสบ ซึ่งเป็นโรคที่ติดต่อกันได้ง่ายในทุกวัย โดยเฉพาะเด็กเล็ก เนื่องจากเด็ก ๆ ยังมีภูมิคุ้มกันน้อย และอยู่ในวัยที่ใช้มือสัมผัสสิ่งต่าง ๆ อย่างไม่ระวัง ซึ่งมักพบในช่วงหน้าฝน ที่สภาพอากาศชื้นเหมาะแก่การเจริญเติบโตของเชื้อ อย่างในช่วงนี้

ซึ่งแม้ว่าโรคตาแดง จะไม่ใช่โรคร้ายแรง โดยทั่วไปจะหายเองภายใน 2-3 สัปดาห์ แต่ในบางรายอาจมีอาการรุนแรง เป็นเรื้อรังไปถึง 3-4 สัปดาห์ โดยเฉพาะหากเกิดจากเชื้อไวรัส อาจทำให้ลุกลามไปเกิดการอักเสบที่กระจกตาตำร่วมด้วย นอกจากนี้ หากเป็นโรคนี้นาน ๆ ก็จะส่งผลเสียต่อสุขภาพและพัฒนาการของเด็ก ๆ ได้

เจมาร์ทอินชัวร์ จึงขอรวบรวมข้อมูลเพื่อช่วยให้คุณพ่อคุณแม่ได้เข้าใจอาการ ทราบวิธีป้องกัน และวิธีการดูแลเด็ก ๆ เมื่อเป็นตาแดงมาฝากกันค่ะ


 

  1. สาเหตุของโรคตาแดง   
    • สาเหตุโรคตาแดงจากการติดเชื้อ
      เกิดจากการติดเชื้อไวรัสหรือเชื้อแบคทีเรีย โดยมักพบเป็นเชื้อไวรัสมากกว่า ซึ่งส่วนใหญ่จะติดต่อจากการสัมผัส ซึ่งติดต่อกันได้โดยการสัมผัสสิ่งของที่มีการปนเปื้อนเชื้อแล้วไปสัมผัสดวงตา โดยเฉพาะเด็กเล็ก ๆ ที่เริ่มหยิบจับสิ่งของต่าง ๆ ได้เอง เมื่อสัมผัสเชื้อแล้ว ก็อาจมาสัมผัสหน้า หรือขยี้ตา ทำให้ได้รับเชื้อ หรืออาจมาจากการใกล้ชิดกับผู้ป่วย และสัมผัสถูกสารคัดหลั่ง รวมถึงใช้สิ่งของร่วมกับผู้ป่วย
    • สาเหตุโรคตาแดงจากการแพ้
      เช่น โรคภูมิแพ้ ที่ลูกน้อยเป็นอยู่ก่อนแล้ว ทำให้มีอาการคันตาและขยี้ตาบ่อย ๆ โดยสารก่อภูมิแพ้ที่พบบ่อย ได้แก่ ละอองเกสรดอกไม้ น้ำหอม เครื่องสำอาง ควันบุหรี่ ไรฝุ่น หรืออาจเกิดจากการแพ้ยา ทำให้มีการระคายเคืองจนเผลอขยี้ตา ซึ่งจะไม่ติดต่อหรือแพร่เชื้อไปยังผู้อื่น

สาเหตุอื่น ๆ ของโรคตาแดง
ตาแดงยังมีสาเหตุอื่นอีก เช่น การเกิดอุบัติเหตุ หรือมีสิ่งแปลกปลอมเข้าไปในเปลือกตา หรือเกิดจากสารเคมีที่ก่อให้เกิดการระคายเคือง ที่มีความเป็นกรดหรือด่างมาก 


 

   2. การสังเกตอาการของโรคตาแดง

  • อาการของโรคตาแดง ที่เกิดจากเชื้อไวรัส จะทำให้ตาแดงทั้งสองข้าง โดยจะพบที่ตาข้างเดียวก่อน และติดต่อไปยังตาอีกข้างภายในสัปดาห์แรกหลังการติดเชื้อ เด็ก ๆ จะรู้สึกปวดตา เคืองตา มีน้ำตาไหล เปลือกตาบวมแดง ตาสู้แสงไม่ได้ โดยมากจะหายเองภายใน 2-3 สัปดาห์    
  • อาการของโรคตาแดง ที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย ตาจะมีสีแดงเข้มมาก มีขี้ตาเยิ้มแฉะ สีจะออกเหลืองอมเขียว ซึ่งจะมีมากหลังตื่นนอน จึงมักทำให้ลืมตาไม่ขึ้นในตอนเช้า เพราะขี้ตาทำให้ขนตาบนและขนตาล่างติดกัน ตาจะพร่ามัว แต่ไม่ค่อยปวดหรือเคืองตามาก   
  • อาการของโรคตาแดง ที่เกิดจากภูมิแพ้ ตาจะไม่แดงมากนัก ตาชื้นแฉะเนื่องจากมีปริมาณน้ำในดวงตามากขึ้น เด็ก ๆ จะรู้สึกคันตามาก โดยเฉพาะตรงหัวตา จึงอาจขยี้ตาบ่อย และทำให้เยื่อบุตาบวมซ้ำหรือติดเชื้อได้ อาการมักเป็น ๆ หาย ๆ ในระยะเวลาสั้น ๆ ไม่นานเท่าอาการจากการติดเชื้อ  

 

    3. ทำอย่างไรเมื่อลูกเป็นตาแดง

  • คุณพ่อคุณแม่ควรพาลูกไปพบจักษุแพทย์ทันที เพื่อตรวจดูว่าเป็นเยื่อบุตาอักเสบชนิดใด เนื่องจากวิธีการรักษาจะขึ้นอยู่กับสาเหตุของโรคตาแดงที่ลูกน้อยเป็น
  • หากเป็นการติดเชื้อไวรัส แพทย์จะรักษาตามอาการ เพราะยังไม่มียาฆ่าเชื้อไวรัสโดยตรง และต้องพาลูกไปพบแพทย์เพื่อติดตามอาการเรื่อย ๆ การรักษาอาจใช้วิธีหยอดน้ำตาเทียม หรือยาหยอดตาเพื่อช่วยลดการอักเสบของดวงตา ทั้งนี้หากมีการติดเชื้อไปยังกระจกตาดำ ต้องใช้ยาที่มีส่วนผสมของสเตียรอยด์ร่วมด้วยจนกว่าอาการจะดีขึ้น
  • หากเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย แพทย์จะสั่งยาหยอดตาที่มีส่วนผสมของยาปฏิชีวนะ เพื่อการฆ่าเชื้อ และต้องคอยประคบเย็น ครั้งละ 5-10 นาที วันละ 2-3 ครั้ง เพื่อลดอาการบวมของเปลือกตา และทำให้ลูกรู้สึกสบายตามากขึ้น
  • หากมีสาเหตุจากอาการแพ้ แพทย์อาจสั่งยาประเภทแอนตี้ฮีสตามีนเพื่อบรรเทาอาการระคายเคือง
  • คุณพ่อคุณแม่สามารถช่วยบรรเทาอาการของลูกได้ ด้วยการทำความสะอาดขี้ตารอบดวงตาอย่างนุ่มนวลด้วยสำลีแช่ในน้ำอุ่น โดยเริ่มเช็ดจากหัวตาออกไปที่หางตา เพื่อป้องกันไม่ให้ดวงตาอีกข้างติดเชื้อ และต้องใช้สำลีแยกกันสำหรับดวงตาแต่ละข้างเพื่อป้องกันการแพร่เชื้อเช่นกัน  
  • ไม่ควรซื้อยาหยอดตาลูกเอง เพราะอาจไม่หายหรือมีผลข้างเคียงจากยาโดยไม่คาดคิดได้
  • งดพาลูกไปในที่สาธารณะ งดทำกิจกรรมที่ต้องพบปะผู้อื่น จนกว่าลูกจะหายดี  
  • คุณพ่อคุณแม่จำเป็นต้องให้ลูกอยู่ในความดูแลของแพทย์จนกว่าจะหายดี และควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด  


 

     4. การป้องกันไม่ให้ลูกเป็นตาแดง
              โรคตาแดง ป้องกันได้โดยการปลูกฝังสุขอนามัยให้กับลูกอย่างถูกต้องดังนี้ค่ะ

  • สอนให้ลูกล้างมือบ่อย ๆ ด้วยสบู่และน้ำอย่างถูกวิธี
  • สอนไม่ให้ลูกใช้ของส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น เช่น ผ้าเช็ดหน้า ผ้าเช็ดตัว หมอน ฯลฯ   
  • สอนให้ลูกระวังไม่ไปเล่นบริเวณน้ำขังหรือน้ำสกปรก และระวังไม่ให้น้ำโดนตัวหรือกระเด็นเข้าตาได้
  • หากลูกถูกน้ำสกปรก ให้รีบทำความสะอาดบริเวณนั้น หรือ อาบน้ำทันที
  • สนับสนุนให้ลูกออกกำลังกาย และกินอาหารที่มีประโยชน์ครบ 5 หมู่ เพื่อให้ร่างกายมีภูมิต้านทาน

 

ที่มาข้อมูล : เว็บไซต์พบแพทย์, เว็บไซต์โรงพยาบาล เวิลด์เมดิคอล, เว็บไซต์ รักลูก, เว็บไซต์ Mama Expert Thailand, เว็บไซต์ Mali

 

และแม้ว่าเราจะป้องกัน ดูแลปกป้องสุขภาพของลูกน้อยอย่างดีแล้ว แต่เหตุการณ์ที่เราไม่อาจควบคุมได้ ก็อาจเกิดขึ้นได้เสมอ เราจึงควรหาตัวช่วยเพิ่มความอุ่นใจ ที่จะมาช่วยดูแลเด็ก ๆ อย่าง ประกันภัย Baby Smile นั่นเองค่ะ

 

สนใจสอบถามได้ที่ เจมาร์ทอินชัวร์ โทร. 02 099 0555 ต่อ 4262 หรือที่ LINE : @jaymartinsurance ค่ะ

 
By Jaymart Content Team : RIYA