Jet Lag เป็นอาการป่วยซึ่งเกิดขึ้นชั่วคราว จากการเดินทางบินข้ามเขตเวลาโลก แล้วร่างกายยังไม่สามารถปรับตัวให้เข้ากับเขตเวลาใหม่ได้ เช่น จากกลางวันเป็นกลางคืน หรือ กลางคืนเป็นกลางวัน ทำให้ร่างกายของเรานั้นปรับตามไม่ทัน เราก็จะเกิดอาการไม่ค่อยสบายเนื้อสบายตัว มึน ๆ งง ๆ นอนไม่หลับ อ่อนเพลีย คลื่นไส้ เบื่ออาหาร อาหารไม่ย่อย ท้องผูก ปวดเมื่อย ขาดสมาธิ แม้แต่หงุดหงิด วิตกกังวล เป็นต้น และก็ทำให้เกิดข้อเสียต่าง ๆ ตามมา เช่น การทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ หรือเที่ยวก็คงจะไม่สนุกเท่าไหร่ แถมยังเสี่ยงกับการเกิดอุบัติเหตุจากอาการง่วงนอนตอนกลางวันได้อีกด้วย
ซึ่งโดยทั่วไป อาการเหล่านี้จะสามารถปรับตัวหายได้เอง โดยทั่วไปจะใช้เวลา 1-2 วัน หรือมากน้อยกว่านี้ ตามแต่สภาพร่างกายและความสามารถในการปรับตัวของแต่ละคน แต่หากอาการยังคงต่อเนื่องหรือรุนแรงขึ้น ก็ควรไปพบแพทย์เพื่อขอคำแนะนำและการรักษา
และเพื่อความไม่ประมาทกับอาการ Jet Lag เราควรมีการเตรียมพร้อมรับมือ อาการ Jet Lag ดังนี้ค่ะ
• วิธีแก้ Jet Lag 1 > วางแผนเที่ยวบิน
หากเป็นไปได้ควรเลือกเที่ยวบินที่เดินทางไปถึงในเวลากลางคืน และใช้เวลาเดินทางที่น้อยกว่า แต่หากเลี่ยงบินนานไม่ได้จริง ๆ เราควรหาสายการบินที่มีการจอดพักหรือเปลี่ยนเครื่อง เพื่อให้ร่างกายของเราได้ปรับตัว และหากมีนัดหมาย หรือมีธุระที่ต้องไปจัดการ ก็ควรไปก่อนล่วงหน้าซัก 2-3 วัน เพื่อให้รางกายได้มีเวลาปรับตัวกับเขตเวลาใหม่
• วิธีแก้ Jet Lag 2 > ปรับเวลาการนอน
ควรปรับเวลานอนก่อนออกเดินทางซักสัปดาห์ หากเดินทางข้ามเขตเวลาฝั่งตะวันออก ก็ให้เข้านอนเร็วขึ้น วันละ 1 ชั่วโมง หากเป็นฝั่งตะวันตก ก็ให้เข้านอนช้ากว่าปกติ วันละ 1 ชั่วโมง หรือค่อย ๆ ปรับวันละนิดละหน่อย เท่าที่ทำได้ จนใกล้เคียงกับเวลาจริงของสถานที่ปลายทางของเรา
• วิธีแก้ Jet Lag 3 > ปรับเวลากิจกรรม
นอกจากนี้ ก่อนที่จะเดินทาง ก็ควรปรับกิจกรรมในชีวิตประจำวัน ให้ใกล้เคียงกับเวลาในสถานที่ปลายทางด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นเวลาในการทำงาน รับประทานอาหาร หรือแม้แต่การขับถ่าย ค่อย ๆ ปรับไป เพื่อให้ร่างกายคุ้นเคยค่ะ
• วิธีแก้ Jet Lag 4 > พักผ่อนให้เหมาะ
พยายามนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอก่อนการเดินทาง ส่วนในขณะเดินทางบนเครื่องบิน หากเป็นเที่ยวบินกลางคืนที่จะถึงที่หมายในเวลาเช้า ก็สามารถนอนได้เลยค่ะ แต่หากเป็นเที่ยวบินเช้า ที่จะถึงที่หมายในเวลาเย็น ก็ให้หากิจกรรม อ่านหนังสือ ดูหนัง อะไรเพลิน ๆ จะดีกว่าค่ะ เพราะไปถึง ก็จะใกล้เวลานอนแล้ว
• วิธีแก้ Jet Lag 5 > น้ำและอาหาร ที่เพียงพอ และพอเพียง
ดื่มน้ำเปล่าให้เพียงพอ ทั้งในขณะที่อยู่บนเครื่องบินและเมื่อถึงที่หมายแล้ว เพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำ และขณะที่อยู่บนเครื่องบิน ควรรับประทานอาหารที่ย่อยง่าย และไม่มากเกินไป และควรงดเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์หรือคาเฟอีน เพราะจะมีผลทำให้ปัสสาวะบ่อย ส่งผลให้น้ำในร่างกายลดลงได้ ทางที่ดีควรดื่มน้ำเปล่า หรือน้ำผลไม้จะดีกว่าค่ะ
• วิธีแก้ Jet Lag 6 > แดดช่วยได้
แสงแดดจะส่งผลต่อการผลิตสารเมลาโทนิน ที่จะช่วยให้เซลล์ต่าง ๆ ในร่างกายทำงานตามปกติ และช่วยในการปรับนาฬิกาชีวิตของร่างกาย ดังนั้นเมื่อไปถึงปลายทาง ควรให้ร่างกายได้สัมผัสแสงแดดในพื้นที่เขตเวลาใหม่ตามช่วงเวลาที่เหมาะสม เพื่อให้ร่างกายสามารถปรับตัวเข้ากับเขตเวลาใหม่ได้ โดยผู้ที่เดินทางข้ามเขตเวลาฝั่งตะวันออกควรรับแสงแดดในช่วงเช้า ส่วนผู้ที่เดินทางข้ามเขตเวลาฝั่งตะวันตกควรรับแสงแดดในช่วงบ่าย
• วิธีแก้ Jet Lag 7 > พึ่งพา เมลาโทนิน
กรณีเดินทางถึงที่หมายแล้ว แต่หลับยังไงก็ยังหลับไม่ลง อาจใช้ เมลาโทนิน (MELATONIN) ที่มีผลช่วยให้หลับได้ง่ายขึ้น แต่ก็ให้ใช้เพียง 0.5-2 มิลลิกรัมเท่านั้น และใช้เพียง 1 คืนเท่านั้น ทั้งนี้ควรศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมหรือปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ด้วยนะคะ
เตรียมพร้อมล่วงหน้า และรู้วิธีป้องกัน แก้ไข กันอย่างครบถ้วนขนาดนี้แล้ว ก็ไม่ต้องกลัว Jet Lag กันแล้วล่ะค่ะ
แต่ไม่ว่าเราจะเตรียมพร้อมการเดินทางกันอย่างดีแค่ไหน เหตุการณ์ไม่คาดฝันก็อาจเกิดขึ้นได้ในทุกการเดินทาง ไม่ว่าจะเป็นอุบัติเหตุ อุบัติภัย หรือแม้แต่การโจรกรรม สาว ๆ จึงควรพิจารณาตัวช่วยเพิ่มความอุ่นใจ นั่นก็คือ ประกันภัยผู้หญิง ของ เจมาร์ท ประกันภัย อย่างเช่น แพ็คเกจ Lady & The City ที่ได้รับการออกแบบมาให้ดูแลทรัพย์สินของสาว ๆ ตลอด 24 ชั่วโมง ไม่ว่าจะจากการถูกปล้นทรัพย์ ชิงทรัพย์ในสถานที่ต่าง ๆ ทั้งยัง ให้ความคุ้มครองบ้านอยู่อาศัย พร้อมบริการช่วยเหลือฉุกเฉินภายในบ้านอีกด้วย จะไปเที่ยวไหน ใกล้ ไกล ก็สบายใจไปอีกขั้นค่ะ
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมหรือข้อมูลเกี่ยวกับประกันอุบัติเหตุอื่นๆ หรือ Lady & The City สามารถติดต่อ เจมาร์ท ประกันภัย ได้ที่เบอร์ 02-099-0555 หรือ Line@ : @jaymartinsurance เรายินดีให้บริการค่ะ
By JAYMART Content Team : RIYA