นโยบายกำกับกำกับดูแลกิจการที่ดี 

 

          บริษัท เจมาร์ท ประกันภัย จำกัด (มหาชน) ตระหนักถึงความสำคัญของการกำกับดูแลกิจการที่ดีหรือ Good Corporate Governance โดยเชื่อว่าการที่บริษัทจะสามารถเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืนได้ จะต้องมีระบบการกำกับดูแลกิจการที่ดีเหมาะสมกับสถานะสภาพของบริษัท การบริหารงานที่ยึดถือหลักความโปร่งใส สามารถตรวจสอบได้ ดำเนินธุรกิจด้วยความซื่อสัตย์ รวมถึงการมีความรับผิดชอบและให้ความเป็นธรรมต่อผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่มนั้น จะนำมาสู่ผลการดำเนินงานที่เติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน เพื่อสร้างความมั่นใจ และความเชื่อมั่นต่อผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่าย  ดังนั้นคณะกรรมการบริษัทจึงได้กำหนดนโยบายการกำกับดูแลกิจการ เพื่อให้กรรมการ ผู้บริหาร และพนักงานทุกคนยึดถือเป็นแนวปฏิบัติในการดำเนินงาน ดังนี้ 

 

หมวดที่ 1 
บทบาท หน้าที่ และความรับผิดชอบของคณะกรรมการบริษัท 
ในฐานะผู้นำองค์กรที่สร้างคุณค่าให้แก่กิจการอย่างยั่งยืน 

 

  1. คณะกรรมการตระหนักถึงความรับผิดชอบในฐานะผู้นำที่ต้องกำกับดูแลให้องค์กรมีการบริหารจัดการที่ดี ซึ่งครอบคลุมถึงการกำหนดวัตถุประสงค์และเป้าหมายในการดำเนินงาน การกำหนด 
    กลยุทธ์ นโยบายการดำเนินงาน ตลอดจนการจัดสรรทรัพยากรต่างๆ ที่สำคัญเพื่อให้บริษัทสามารถบรรลุถึงวัตถุประสงค์และเป้าหมายที่วางไว้ได้ รวมทั้งการติดตาม ประเมินผล และดูแลการรายงานผลการดำเนินงานดังกล่าว 

  1. คณะกรรมการมีหน้าที่ในการกำกับดูแลกิจการให้มีการสร้างคุณค่าให้แก่กิจการอย่างยั่งยืน โดยสามารถแข่งขันได้ และมีผลประกอบการที่ดีโดยคำนึงถึงผลกระทบในระยะยาว รวมทั้งสามารถปรับตัวได้ภายใต้ปัจจัยการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้น พร้อมทั้งได้จัดทํานโยบายการกํากับดูแลกิจการที่ดีและคู่มือจรรยาบรรณ เพื่อให้กรรมการ ผู้บริหารและพนักงาน ยึดถือเป็นแนวปฏิบัติ 

          กรรมการและผู้บริหารทุกระดับของบริษัทจะต้องเป็นแบบอย่างที่ดีในการปฏิบัติตามนโยบายการกํากับดูแลที่ดีและคู่มือจรรยาบรรณที่กําหนด พร้อมทั้งรับผิดชอบในการเผยแพร่ความรู้ สร้างความเข้าใจ และส่งเสริมให้พนักงานทุกระดับยึดถือปฏิบัติตามนโยบายการกํากับดูแลกิจการที่ดีและคู่มือจรรยาบรรณอย่างจริงจัง ต่อเนื่อง และสร้างให้เป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมองค์กรในการปฏิบัติงาน และจะต้องรายงานผล การดําเนินงานด้านการส่งเสริมความรู้ และการปฏิบัติตามนโยบายการกํากับดูแลกิจการที่ดีและคู่มือจรรยาบรรณนี่ต่อ คณะกรรมการตรวจสอบ และคณะกรรมการบริษัท 

          ทั้งนี้เพื่อให้นโยบายการกํากับดูแลกิจการที่ดีมีความเหมาะสม สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป คณะกรรมการบริษัทจะต้องทบทวนนโยบายกำกับดูแลกิจการที่ดีน้อยปีละ 1 ครั้ง 

  1. คณะกรรมการบริษัทมีอำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบในการดำเนินกิจการของบริษัทด้วยความรับผิดชอบระมัดระวัง (duty of care) และซื่อสัตย์สุจริตต่อองค์กร (duty of loyalty) ยึดมั่นในการปฏิบัติตามนโยบายกำกับดูแลกิจการที่ดี และพึงหลีกเลี่ยงปัญหาในเรื่องความขัดแย้งทางผลประโยชน์เพื่อระมัดระวังรักษาผลประโยชน์ของบริษัทโดยรวม โดยไม่จำกัดเฉพาะผู้ถือหุ้นกลุ่มใดหรือรายใด  รวมทั้งมีอำนาจหน้าที่ในการกำกับ ดูแล และติดตามให้การดำเนินธุรกิจของบริษัทเป็นไปตามตามกลยุทธ์ วัตถุประสงค์ เป้าหมาย ข้อบังคับ มติที่ประชุมผู้ถือหุ้น ตลอดจนกฎหมายที่เกี่ยวข้องและข้อพึงปฏิบัติที่ดี  
    ซึ่งหน่วยงานที่กำกับดูแลได้ประกาศใช้ 

          คณะกรรมการจะจัดให้มีระบบการควบคุมด้านการดําเนินงาน ด้านรายงานทางการเงินและด้านการปฏิบัติตามกฎหมาย และระเบียบต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจของบริษัท รวมทั้งจัดให้มีบุคคลหรือหน่วยงานที่มีความเป็นอิสระในการปฏิบัติหน้าที่เป็นผู้รับผิดชอบในการตรวจสอบระบบ การควบคุมดังกล่าว 

 

หมวดที่ 2  
สิทธิของผู้ถือหุ้น : สิทธิและความเท่าเทียมกันของผู้ถือหุ้น 

 

  1. บริษัทให้ความสำคัญกับสิทธิของผู้ถือหุ้น ได้แก่ สิทธิในการเข้าร่วมประชุมผู้ถือหุ้น สิทธิในการมอบฉันทะให้บุคคลอื่นเข้าประชุมและให้สิทธิในการออกเสียงแทน โดยเน้นหลักการในเรื่องของความเป็นอิสระและเท่าเทียม โดยบริษัทมีการจัดทำและเปิดเผยข้อมูลผลการดำเนินงานให้กับผู้ถือหุ้นเพื่อให้ผู้ถือหุ้นได้มีข้อมูลที่ถูกต้อง ครบถ้วน และเพียงพอต่อการพิจารณาในแต่ละวาระก่อนการประชุมตามเวลาอันสมควร การให้สิทธิในการแต่งตั้งหรือถอดถอนกรรมการเป็นรายบุคคล สิทธิในการออกเสียงลงคะแนนแต่งตั้งและกำหนดสินจ้างผู้สอบบัญชี สิทธิในการออกเสียงลงคะแนนในกิจการต่างๆ ที่สำคัญ สิทธิในการรับเงินปันผล สิทธิในการแสดงความคิดเห็นและซักถามในการประชุมผู้ถือหุ้น สิทธิในการกำหนดหรือแก้ไขข้อบังคับบริษัทฯ และหนังสือบริคณห์สนธิ พิจารณาเรื่องการลดทุนหรือเพิ่มทุน และการอนุมัติธุรกรรมที่สำคัญและมีผลต่อทิศทางในการดำเนินธุรกิจ เป็นต้น  

          นอกจากนี้ บริษัทยังสนับสนุนให้ผู้ถือหุ้นทุกรายเข้าร่วมประชุมผู้ถือหุ้น โดยจัดส่งหนังสือเชิญประชุมพร้อมด้วยวาระและเอกสารประกอบการประชุมให้แก่ผู้ถือหุ้นก่อนวันประชุมไม่น้อยกว่าระยะเวลาที่กฎหมายและข้อบังคับของบริษัทกำหนดไว้ 

  1. บริษัทจัดให้มีการประชุมผู้ถือหุ้นประจำปีทุกปี เรียกว่า “ประชุมสามัญผู้ถือหุ้น” ภายใน  
    4 เดือนนับจากวันสิ้นสุดของรอบปีบัญชีของบริษัท ซึ่งการประชุมผุ้ถือหุ้นคราวอื่นนอกเหนือจากนี้จะจัดขึ้นเมื่อความจำเป็นตามแต่ละกรณี โดยเรียกการประชุมนี้ว่า “การประชุมวิสามัญ” 

  1. บริษัทได้คำนึงถึงการสร้างความมั่นใจให้กับผู้ถือหุ้นว่า คณะกรรมการบริษัทและฝ่ายจัดการจะบริหารจัดการงบประมาณอย่างเหมาะสม ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญต่อความมั่นใจของผู้ถือหุ้น ดังนั้นจึงมีการกำกับดูแลให้ผู้ถือหุ้นได้รับการปฏิบัติ และปกป้องสิทธิขั้นพื้นฐานที่ได้กล่าวไว้แล้วอย่างเท่าเทียมกัน นอกจากนี้ คณะกรรมการบริษัทกำหนดให้กรรมการบริษัทและผู้บริหารทำการเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับส่วนได้เสียของตนและผู้ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้คณะกรรมการสามารถพิจารณาธุรกรรมของบริษัทที่อาจมีความขัดแย้งของผลประโยชน์ และสามารถตัดสินใจเพื่อประโยชน์ของบริษัทโดยรวม ทั้งนี้ กรรมการบริษัทและผู้บริหารที่มีส่วนได้เสียกับธุรกรรมที่ทำกับบริษัทจะไม่มีส่วนร่วมในการตัดสินใจทำธุรกรรมดังกล่าว 

 

หมวดที่ 3  
สิทธิของผู้มีส่วนได้เสียกลุ่มต่างๆ 

 

  1. บริษัทได้ให้ความสำคัญต่อสิทธิของผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม ได้แก่ ผู้ถือหุ้น ลูกค้า คู่ค้า เจ้าหนี้ พนักงาน คู่แข่งทางการค้า และสังคม โดยคำนึงถึงสิทธิของผู้มีส่วนได้เสียดังกล่าวตามกฎหมายหรือตามข้อตกลงที่มีกับบริษัท และไม่กระทำการใดๆ ที่เป็นการละเมิดสิทธิของผู้มีส่วนได้เสียเหล่านั้นดังนี้ 

          ผู้ถือหุ้น:บริษัทมุ่งมั่นให้มีผลการดำเนินงานที่ดีอย่างต่อเนื่อง รวมถึงให้ความสำคัญกับสิทธิของผู้ถือหุ้นและ การปฏิบัติต่อผู้ถือหุ้นอย่างเท่าเทียมกัน คณะกรรมการบริษัทจะต้องอำนวยความสะดวกแก่ 
ผู้ถือหุ้น เพื่อที่จะสามารถใช้สิทธิต่างๆ ได้อย่างเต็มที่ 

          คณะกรรมการ และผู้บริหาร: บริษัทให้ความสำคัญกับสิทธิและบทบาทของคณะกรรมการในการกำหนดเป้าหมาย แผนกลยุทธ์ นโยบายทางธุรกิจ และงบประมาณของบริษัท รวมถึงกำกับดูแลและติดตามผลการปฏิบัติงานของฝ่ายจัดการอย่างสม่ำเสมอให้เป็นเป็นตามเป้าหมาย และแผนธุรกิจ 

ลูกค้าบริษัทให้ความสำคัญในเรื่องการปฏิบัติตามกฎหมายและมาตรฐานที่เกี่ยวข้อง การคำนึงถึงความเป็นธรรม และเข้าใจความต้องการของลูกค้าอย่างแท้จริง เพื่อส่งมอบผลิตภัณฑ์และ บริการที่ดีที่สุด  คณะกรรมการบริษัท ผู้บริหารและ พนักงานทุกคนจึงต้องปฏิบัติหน้าที่โดยคำนึงถึงลูกค้าเป็นที่ตั้ง เพื่อส่งมอบผลิตภัณฑ์และการบริการที่มีคุณภาพ ภายใต้เงื่อนไขที่เป็นธรรม 

คู่ค้า และ/หรือ เจ้าหนี้บริษัทจะปฏิบัติต่อคู่ค้า และ/หรือ เจ้าหนี้ ตามเงื่อนไขการค้าและปฏิบัติตามสัญญา โดยประพฤติตามกรอบกติกาการแข่งขันที่ดีและไม่ใช้วิธีการที่ไม่สุจริต 

พนักงาน:?บริษัทมีนโยบายผลตอบแทนและสวัสดิการที่เป็นธรรม พร้อมเสนอโอกาสในการฝึกอบรมหาความรู้ เพิ่มเติม รวมถึงการดูแลรักษาสภาพแวดล้อม ในการทำงานให้มีความปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สินของพนักงาน 

คู่แข่งทางการค้าบริษัทจะประพฤติตามกรอบกติกาการแข่งขันที่เป็นธรรม และไม่ใช้วิธีการที่ไม่สุจริต เพื่อทำลายคู่แข่งทางการค้า 

สังคม และสิ่งแวดล้อมในการปฏิบัติหน้าที่ตามที่ได้รับมอบหมายนั้น ต้องคำนึงถึงความรับผิดชอบต่อสังคม และยึดมั่นในการ ดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม คุณภาพชีวิตของคนในสังคม ตลอดจนขนบธรรมเนียมและประเพณีท้องถิ่น ตามแนวนโยบายของบริษัทที่ให้การสนับสนุน ทั้งในด้านกิจกรรมเพื่อสังคม การศึกษา ศาสนา ศิลปวัฒนธรรม และสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง 

หมวดที่ 4   

คณะกรรมการและกรรมการชุดย่อย 

  1. คณะกรรมการบริษัทมีความรับผิดชอบในการกําหนดและทบทวนโครงสร้างคณะกรรมการบริษัท โดยคํานึงถึง ลักษณะ ขนาด ความซับซ้อนของบริษัท มีการถ่วงดุลอำนาจและความสามารถของกรรมการในการทํางานร่วมกันอย่าง เหมาะสม เป็นไปตามที่กฎหมายว่าด้วยประกันวินาศภัยและตามกฎหมายว่าด้วยบริษัทมหาชนจํากัด กําหนดมีสัดส่วนกรรมการอิสระที่เหมาะสม และดูแลให้คณะกรรมการประกอบด้วยกรรมการที่มีคุณสมบัติหลากหลายทั้งในด้านทักษะ ประสบการณ์ ความสามารถและคุณลักษณะเฉพาะด้าน ตลอดจนเพศและอายุ ที่จําเป็นต่อการบรรลุวัตถุประสงค์ และเป้าหมายหลักขององค์กร  

  1. คณะกรรมการบริษัทมีหน้าที่ในการพิจารณาแต่งตั้งคณะกรรมการชุดย่อยที่เหมาะสมกับลักษณะ ขนาด และความซับซ้อนของบริษัท เพื่อช่วยสนับสนุนการทำหน้าที่ของคณะกรรมการบริษัท โดยจะต้องพิจารณาแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบ คณะกรรมการบริหารความเสี่ยง และคณะกรรมการลงทุนเป็นอย่างน้อย ทั้งนี้คณะกรรมการอาจพิจารณาแต่งตั้งคณะกรรมการชุดย่อยอื่นๆ เพิ่มเติม ตามความจำเป็นและเหมาะสมก็ได้  

  1. คณะกรรมการบริษัทมีหน้าที่ในการประเมินผลการปฏิบัติงานของคณะกรรมการบริษัทเป็นประจำปีทุกปี เพื่อให้มั่นใจได้ว่าคณะกรรมการยังคงสามารถปฏิบัติหน้าที่ตามบทบาทหน้าที่ความรับผิดชอบที่ได้รับมอบหมายได้อย่างมีประสิทธิผล โดยอาจกำหนดให้มีการประเมินผลการปฏิบัติงานโดยรวมทั้งคณะ หรือ รายบุคคลก็ได้ 

  1. คณะกรรมการบริษัทมีการกํากับดูแลให้กรรมการบริษัทแต่ละคนมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับบทบาทหน้าที่ ลักษณะการประกอบธุรกิจ และกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการประกอบธุรกิจ ตลอดจนสนับสนุนให้กรรมการบริษัททุกคน ได้รับการเสริมสร้างทักษะและความรู้สําหรับการปฏิบัติหน้าที่กรรมการบริษัทอย่างสม่ำเสมอ โดยให้กรรมการเข้ารับการ อบรมหรือร่วมสัมมนาที่เป็นการเพิ่มพูนความรู้ในการปฏิบัติหน้าที่ 

 

หมวดที่  5 
การกำหนดค่าตอบแทนกรรมการ ผู้บริหาร และพนักงาน 

 

  1. การกำหนดค่าตอบแทนของกรรมการ คณะกรรมการบริษัทจะพิจารณาอย่างรอบคอบและคำนึงถึงผลการดำเนินงานของบริษัท ตลอดจนให้สอดคล้องกับสภาวะโดยทั่วไปของตลาดและอุตสาหกรรมเดียวกัน รวมถึงความเหมาะสมกับหน้าที่และความรับผิดชอบของกรรมการ  ทั้งนี้การจ่ายค่าตอบแทนของกรรมการจะต้องผ่านการพิจารณาอนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นของบริษัท 

  1. การกำหนดค่าตอบแทนของผู้บริหาร และพนักงาน คณะกรรมการบริษัทจะกำกับดูแลให้มีการกำหนดโครงสร้างค่าตอบแทนและการประเมินที่เหมาะสม โดยนำนึงถึงผลการปฏิบัติงาน และความเสี่ยงในปัจจุบันและที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต โดยคณะกรรมการบริษัทอาจมอบหมายให้คณะกรรมการชุดย่อยหรือบุคคลที่คณะกรรมการเห็นว่าเหมาะสมทำหน้าที่เป็นผู้พิจารณาก็ได้  

 

หมวดที่ 6 
การบริหารความเสี่ยงและการควบคุมภายใน 

 

  1. คณะกรรมการบริษัทมีหน้าที่ในการกำกับและดูแลให้บริษัทมีกรอบการบริหารความเสี่ยงที่ 
    มีประสิทธิภาพสามารถรองรับความเสี่ยงที่สำคัญ และควบคุมความเสี่ยงให้อยู่ในระดับที่ยอมรับได้ และ 
    มีกระบวนการตรวจสอบ ระบบการควบคุมภายใน การบริหารความเสี่ยง และการกํากับดูแลการบริหารงานที่เพียงพอ และเหมาะสมกับสถานการณ์ธุรกิจ และดูแลให้มีการปลูกฝังวัฒนธรรมองค์กรที่คํานึงถึงความเสี่ยง (Risk Culture) 

กรอบการกํากับดูแลความเสี่ยงจะประกอบด้วยระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ (Risk Appetite) นโยบาย และกลยุทธ์ในการบริหารความเสี่ยง รวมทั้งดูแลให้มีระบบและกระบวนการบริหารความเสี่ยงที่สามารถประมวลให้เห็นความเสี่ยงในภาพรวม ครอบคลุมความเสี่ยงที่มีนัยสําคัญทั้งหมดและมีวัฒนธรรมองค์กรที่คํานึงถึงความเสี่ยงโดยหน้าที่และความรับผิดชอบของคณะกรรมการบริษัทเกี่ยวกับกรอบการกํากับดูแลความเสี่ยงที่ดี มีดังนี้ 

  1. อนุมัตินโยบายและกลยุทธ์การบริหารความเสี่ยงโดยรวม และระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ ทั้งนี้ การเปลี่ยนแปลงนโยบายและกลยุทธ์ข้างต้นต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการบริษัทหรือคณะกรรมการชุดย่อยที่ได้รับมอบหมายก่อนทุกครั้ง 

  1. อนุมัติโครงสร้างองค์กรที่เอื้ออํานวยต่อการติดตาม กำกับ ควบคุม ตรวจสอบการปฏิบัติงานให้สอดคล้องกับนโยบาย กลยุทธ์ กระบวนการ และวิธีปฏิบัติในการบริหารความเสี่ยง โดยมีการถ่วงดุลอํานาจและแยกเป็น อิสระระหว่างหน่วยงานที่ก่อให้เกิดความเสี่ยงกับหน่วยงานบริหารความเสี่ยง 

  1. ดูแลให้มีนโยบายและกระบวนการดําเนินธุรกิจที่สอดคล้องกับนโยบายและกลยุทธ์การบริหารความเสี่ยงโดยรวม และระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ ตลอดจนทบทวน สอบทานความเพียงพอและประสิทธิผลของนโยบายและกลยุทธ์การบริหารความเสี่ยงโดยรวม อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง หรือทันทีที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสําคัญ 

  1. ดูแลให้มีการปลูกฝังวัฒนธรรมองค์กรที่คํานึงถึงความเสี่ยง รวมทั้งการสื่อสารนโยบายและ 
    กลยุทธ์การบริหารความเสี่ยง และระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ มายังพนักงานทุกคนในองค์กรเพื่อสร้างความตระหนักถึงความสําคัญและหน้าที่ความรับผิดชอบของตนเกี่ยวกับความเสี่ยง 

  1. ดูแลให้มีเงินกองทุนและสภาพคล่องที่มั่นคงและเพียงพอที่จะรองรับการดําเนินธุรกิจทั้งในปัจจุบันและอนาคตโดยมีการติดตามฐานะเงินกองทุนและสภาพคล่องอย่างสม่ำเสมอ มีกระบวนการหรือเครื่องมือที่ใช้ดูแลความเพียงพอของเงินกองทุนและสภาพคล่อง รวมทั้งมีแผนรองรับกรณีวิกฤต 

  1. ติดตามฐานะความเสี่ยงโดยรวมและความเสี่ยงประเภทต่างๆ ประสิทธิภาพการบริหารความเสี่ยง และ สถานะการปฏิบัติตามวัฒนธรรมองค์กรที่คํานึงถึงความเสี่ยงตลอดจนปัจจัยและปัญหาที่มีนัยสําคัญ 

  1. มอบหมายและดูแลให้ผู้บริหารกําหนดนโยบายในรายละเอียด กระบวนการ ระบบการบริหารความเสี่ยงในภาพรวมและความเสี่ยงประเภทต่างๆ แนวทางในการบริหารความเสี่ยง รวมทั้งระบบข้อมูลที่มีประสิทธิภาพโดยอย่างน้อยต้องครอบคลุมถึงความเสี่ยงด้านกลยุทธ์ ด้านประกันภัย ด้านตลาด ด้านเครดิต ด้านสภาพคล่อง ด้านปฏิบัติการ ด้านชื่อเสียง ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ ด้านมหันตภัย ด้านความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นใหม่ และ ความเสี่ยงภายในกลุ่มธุรกิจ 

  1. มอบหมายและดูแลให้ผู้บริหารกําหนดเพดานความเสี่ยงให้สอดคล้องกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ รวมทั้งควบคุมความเสี่ยงให้อยู่ในระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้และเพดานความเสี่ยงที่กําหนด 

  1. มอบหมายให้ผู้บริหารดูแลการใช้แบบจําลองในการวัดความเสี่ยงให้เป็นไปตามมาตรฐานขั้นต่ำที่สํานักงานคณะกรรมการการกํากับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัยกําหนด รวมทั้งการประเมินและทดสอบความน่าเชื่อถือของแบบจําลองอย่างเป็นอิสระเป็นประจํา 

 

การบริหารความเสี่ยง 

บริษัทตระหนักและให้ความสําคัญกับการบริหารความเสี่ยง คณะกรรมการและผู้บริหารของบริษัทมีการกํากับดูแล  ติดตามและพัฒนาระบบบริหารความเสี่ยงอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้มั่นใจว่ามาตรการต่างๆ ยังคงมีความสอดคล้องและทันต่อปัจจัยเสี่ยงทั้งภายในและภายนอกที่เปลี่ยนแปลงไป ทั้งนี้ คณะกรรมการบริษัทได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการบริหารความเสี่ยง เพื่อทําหน้าที่ช่วยคณะกรรมการบริษัทกํากับดูแลความเสี่ยงในภาพรวมให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม โดยคณะกรรมการบริหารความเสี่ยงจะกำกับดูแลและทบทวนความเพียงพอของนโยบายและระบบการบริหารความเสี่ยงโดยรวมของบริษัท เพื่อทำให้มั่นใจว่าบริษัทมีการบริหารความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล รวมทั้งดําเนินการรายงานความเสี่ยงให้คณะกรรมการบริษัทได้รับทราบ 

 

การควบคุมภายใน 

  1. มีการกําหนดการควบคุมภายในและการตรวจสอบภายใน อย่างเพียงพอมีการกําหนดหน้าที่ ความรับผิดชอบ และขอบเขตอํานาจอนุมัติที่ชัดเจน พร้อมทั้งมีระบบควบคุมดูแลที่เหมาะสมเพียงพอ 

  1. มีกลไกในการตรวจสอบและถ่วงดุลอย่างเหมาะสม โดยมีกระบวนการในการตรวจทานความถูกต้อง ครบถ้วน ในแต่ละขั้นตอนและกระบวนการปฏิบัติงานที่สําคัญ มีการแบ่งแยกหน้าที่อย่างชัดเจน รวมถึงมีหน่วยงานที่ทำหน้าที่ในการควบคุม กํากับ และตรวจสอบที่เป็นอิสระและสามารถทําหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิผล โดยกําหนดหน้าที่ความรับผิดชอบของแต่ละหน่วยงานอย่างชัดเจน มีระบบรายงานการปฏิบัติงานที่ไม่เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ หรือข้อบังคับของภายในของบริษัท ทั้งนี้ ให้หน่วยงานตรวจสอบภายในรายงานตรงต่อคณะกรรมการตรวจสอบและคณะกรรมการบริษัท โดยมีการทบทวนความเหมาะสมของกลไกการตรวจสอบ และถ่วงดุล รวมถึงการแบ่งแยกหน้าที่ความรับผิดชอบของหน่วยงานหรือบุคคลต่างๆ อย่างสม่ำเสมอมีการดูแลให้หน่วยงานต่างๆ ทั้งหน่วยงานธุรกิจ หน่วยงานที่ทําหน้าที่ควบคุม และหน่วยงานปฏิบัติการ มีทรัพยากรและบุคลากรที่มีความรู้ ความสามารถ และประสบการณ์ที่เพียงพอเหมาะสมต่อการปฏิบัติงาน รวมถึงการจัดความสําคัญของตําแหน่งหรือสถานภาพของหัวหน้าแต่ละหน่วยงานให้สูงเพียงพอ เพื่อให้สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิผล 

  1. มีการควบคุมดูแลการจัดทําและบันทึกบัญชีสําหรับทุกกิจกรรมของบริษัท รวมทั้งมีระบบรายงานทางบัญชี และการเงินที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับสถานะการเงินงาน ผลการดำเนินการ และความเสี่ยงของบริษัทที่ถูกต้อง ทันกาล 

  1. มีระบบควบคุมที่เพียงพอและเหมาะสมในการดูแลป้องกันพื้นที่และทรัพย์สินของบริษัท รวมถึงสิทธิในการเข้าถึงพื้นที่สําคัญและสิทธิในการเข้าถึงทรัพย์สินที่สําคัญ 

 

หมวดที่ 7 
นโยบายและแนวปฏิบัติเกี่ยวกับความขัดแย้งทางผลประโยชน์ 

 

  1. บริษัทกําหนดนโยบายและแนวปฏิบัติเพื่อป้องกันไม่ให้กรรมการ ผู้บริหาร และพนักงาน 
    ที่เกี่ยวข้องเกิดความขัดแย้งทางผลประโยชน์ ดังนี้ 

  1. กรรมการ ผู้บริหาร และพนักงาน พึงหลีกเลี่ยงการดำเนินการใดๆ ที่อาจก่อให้เกิดความขัดแย้งทางผลประโยชน์กับบริษัท และไม่กระทำการในลักษณะใดๆ อันเป็นการขัดต่อผลประโยชน์ของบริษัท หรือเป็นการแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัว และ/หรือ ผู้ที่เกี่ยวข้อง 

  1. ไม่ใช้หรือยินยอมให้ผู้อื่นใช้ตำหน่งหน้าที่ของตนทั้งทางตรงหรือทางอ้อม เพื่อแสดงหาประโยชน์จากบริษัท 

  1. ไม่นำความลับหรือข้อมูลของบริษัทไปแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัว และ/หรือผู้ที่เกี่ยวข้อง 

  1. ในกรณีที่กรรมการ ผู้บริหาร พนักงาน หรือผู้ที่เกี่ยวข้องเข้าไปมีส่วนร่วมหรือเป็นผู้ถือหุ้นในกิจการใดๆ ซึ่งอาจมีผลประโยชน์หรือก่อให้เกิดความขัดแย้งทางผลประโยชน์กับบริษัท ให้แจ้งคณะกรรมการบริษัท หน่วยงานตรวจสอบ หน่วยงานที่รับผิดชอบ หรือผู้ที่รับผิดชอบทราบแล้วแต่กรณี 

 

หมวดที่  8 
การเปิดเผยข้อมูลและความโปร่งใส 

 

  1. บริษัทมีนโยบายและถือแนวทางปฏิบัติในการเปิดเผยข้อมูล เพื่อให้ผู้ถือหุ้นและผู้มีส่วนได้เสียมั่นใจในการดำเนินงานที่มีความโปร่งใสสามารถตรวจสอบได้ โดยการเปิดเผยข้อมูล และสารสนเทศต่างๆ ของกิจการตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด รวมถึงกฎระเบียบของหน่วยงานต่างๆ ที่กำกับดูแลกิจการของบริษัท ข้อมูลที่จะเปิดเผยจะต้องผ่านการกลั่นกรองจากผู้รับผิดชอบให้มีความครบถ้วนถูกต้อง และเพียงพอต่อการพิจารณาของผู้มีส่วนที่เกี่ยวข้อง และการเปิดเผยจะต้องได้รับการอนุมัติจากผู้มีอำนาจของบริษัท โดยจะไม่เปิดเผยข้อมูลที่เป็นความลับของบริษัท ลูกค้า คู่ค้า ให้แก่บุคคลที่ไม่เกี่ยวข้อง เว้นแต่จะได้รับอนุญาตหรือจำเป็นตามกฎหมาย โดยไม่แสดงข้อมูลที่เกินจริงจนทำให้เข้าใจผิดในสาระสำคัญ 

การเปิดเผยข้อมูลจะเปิดเผยผ่านช่องทางต่างๆ เช่น เว็บไซต์ของบริษัท  สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย  กรมพัฒนาธุรกิจการค้า สื่อมวลชนหรือสิ่งพิมพ์ต่างๆ เป็นต้น 

 

หมวดที่ 9 
การแจ้งเบาะแสหรือข้อร้องเรียน 

 

  1. บริษัทมีช่องทางที่น่าเชื่อถือและเป็นอิสระเพื่อให้พนักงาน ลูกค้า คู่ค้า คู่สัญญา หรือตัวแทนทางธุรกิจ รวมถึงผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่มมั่นใจได้ว่า สามารถแจ้งข้อมูล เบาะแส หรือข้อร้องเรียนที่เกี่ยวกับการกระทำผิดกฎหมาย ผิดจรรยาบรรณ หรือพฤติกรรมที่ส่อถึงการทุจริตหรือการประพฤติมิชอบ ของบุคคลในองค์กร ทั้งพนักงานและผู้มีส่วนได้เสียอื่นได้ โดยไม่ต้องเปิดเผยตัวตน ตลอดจนจัดให้มีกระบวนการป้องกันผู้แจ้งเบาะแส เพื่อคุ้มครองผู้แจ้งไม่ให้ถูกทำร้ายหรือขมขู่ในภายหลัง  

ทั้งนี้บริษัทจะรับแจ้งข้อมูลอย่างเสมอภาค โปร่งใส และให้ความเป็นธรรมต่อทุกฝ่าย มีกำหนดระยะเวลาการพิจารณา ข้อมูลอย่างเหมาะสม พร้อมทั้งรักษาข้อมูลของผู้แจ้งไว้เป็นความลับ และคุ้มครองผู้แจ้งมิให้ได้รับการกลั่นแกล้งใดๆ โดยบริษัทได้กำหนดให้มีช่องทางการแจ้งเบาะแสหรือ 
ข้อร้องเรียน ผ่านช่องทางต่างๆของบริษัท ดังนี้  

  1. ร้องเรียนได้โดยตนเองหรือโทรศัพท์ได้ที่ 
    • สำนักกรรมการผู้จัดการและกำกับปฏิบัติการองค์กร โทร 02 099 0555 ต่อ 1108 

  1. ร้องเรียนผ่านเว็บไซต์ของบริษัท 

  1. ร้องเรียนหรือแจ้งเบาะแส โดยทำหนังสือ จดหมายถึง  
    • ประธานกรรมการตรวจสอบ หรือ  
    • ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หรือ  
    • ผู้อำนวยการสำนักกรรมการผู้จัดการและกำกับปฏิบัติการองค์กร 

 

 

โดยส่งมาตามที่อยู่ดังนี้  
บริษัท เจมาร์ท ประกันภัย จำกัด (มหาชน)  
100/100 อาคารว่องวานิช คอมเพล็กซ์ บี ชั้นที่ 29 
ถนนพระราม 9 ห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร 10310 
ทั้งนี้ บริษัทจะไม่เปิดเผยชื่อผู้แจ้งข้อร้องเรียน และมีกลไกการปกป้องสิทธิของผู้ร้องเรียน